“ศศิน”โพสต์ 7 ข้อโชคร้าย “เปรมชัย”

2018-04-30 10:20:16

 “ศศิน”โพสต์ 7 ข้อโชคร้าย “เปรมชัย”

Advertisement

“ศศิน”โพสต์เฟซบุ๊กร่ายยาว 7 ข้อโชคร้าย “เปรมชัย” ชี้โชคร้ายที่สุดคือจะถูกเครือข่ายบริวารจ้องหาผลประโยชน์หลอกให้สู้ไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็เสียทั้งเงิน ติดคุกไม่มีโอกาสสารภาพ สำนึกผิดปรับภาพลักษณ์กลับคืนมา

เมื่อวันที่ 30 เม.ย. นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงกรณีที่นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้ต้องหาคดีร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี ว่า “วันนี้เห็นว่าถ้าอัยการภาค 7 จะสังฟ้องคดี นายยงค์ โดดเครือนางนที เรียมแสน และ นายธานี ทุมมาศ ล่าสัตว์ป่า ซึ่งเป็นคดีสำคัญ มาขนาดนี้ ผู้ต้องหาปฏิเสธ กระบวนการยุติธรรมก็ต้องสืบหาพยานหลักฐาน 3 เดือนสังฟ้องได้ ก็นับว่าไม่ช้า ผมเชื่อว่าคุณเปรมชัยมีโชคดีที่เกิดในตระกูลร่ำรวย พ่อเป็นหมอที่ทำงานรับเหมาก่อสร้างใหญ่โต มีพี่ชายที่รับช่วงดูแลกิจการมาตายเร็วทำให้คุณเปรมชัยส้มหล่นต้องรับดูแลกิจการตั้งแต่วัยหนุ่ม และคงมีความสามารถพอสมควรที่ทำกิจการประสบความสำเร็จ ผมกับคุณไม่เคยรู้จักกัน สารภาพว่าเพิ่งรู้ว่าอิตาเลี่ยนไทยมีคุณบริหารก็ตอนคุณเข้าป่าครั้งนี้แหล่ะ


นายศศิน กล่าวต่อว่า ผมเชื่อว่าคุณโชคร้ายหลายเรื่อง 1.คุณคงชอบล่าสัตว์เล่นแบบข่าวลือที่เขาว่าๆมา คุณอาจจะไม่เคยรู้ว่าทุ่งใหญ่นเรศวรเป็นพื้นที่อนุรักษ์ที่เข้มงวด หรือคุณอาจจะรู้แต่คิดว่าคนที่นั่นก็เหมือนหน่วยงานราชการอื่นๆ ที่ปล่อยปละละเลยงานการ และคุณก็เชื่อว่าลูกน้องที่เคยทำงานกรมอุทยานน่าจะเคลียร์อะไรไว้พอสมควร นั่นคือข้อแรกที่คุณโชคร้าย เพราะคุณเข้าใจผิด 2.คุณเข้าป่าไปวันเสาร์ คุณโชคร้ายที่เจอเป้าหมายที่คุณอยากทำมาตลอด คุณกับลูกน้องคงจัดการมันทันทีที่บังเอิญพบกัน และคุณอยากได้ผลงานชิ้นนี้ไปเก็บเป็นเกียรติประวัติ คุณสั่งให้พรานของคุณลอกหนังทาเกลือ ซึ่งใช้เวลานาน 3.ขณะที่คุณตัดสินใจทำงานอยู่ คุณไม่รู้หรอกว่าวันนั้นที่ทุ่งใหญ่เขามีกำหนดการประชุมประจำเดือน และมีการรายงานผลการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ ดังนั้นหัวหน้าหน่วยมือดียี่สิบกว่าคนเข้ามาประชุมกันกับหัวหน้าวิเชียร ดังนั้นการตรวจค้นจับกุมของคดีนี้ไม่ใช่แค่ใช่ลูกน้องประจำสำนักงาน และผมได้ยินมาว่ามีทีมงานที่เดินทางมาประชุมพบลูกน้องคุณวิเชียรทำผิดอะไรสักอย่างจึงมาตักเตือน แต่คณะของคุณพูดจากับเขาไม่ดี และอวดเบ่งใส่ใหญ่โต ทำให้เขาไม่พอใจและสงสัยว่ากลุ่มของคุณเป็นใคร และบังเอิญว่าวันนั้นไม่มีใครอื่นมีแค่พวกคุณ





4.เสือตัวนั้นโชคร้ายที่เจอคุณ แต่คุณก็โชคร้ายที่่เจอมัน เพราะเสน่ห์ของการเก็บหนังเสือดำไว้ทำให้คุณต้องสร้างเรื่องราวมากมายเพื่อยังไม่กลับบ้าน และไม่กล้าย้ายที่พัก คุณต้องการเก็บซากมันไว้ 5.เมื่อโดนจับคุณโชคร้ายที่ฝ่ายกกหมายของคุณตัดสินใจให้คุณปฏิเสธ เพราะเห็นช่องทางใช้วิธีพิจารณาคดีอาญาต่อสู้ว่าไม่มีหลักฐานมัดตัวว่าคุณเป็นคนยิงเอง แต่จริงๆแล้วพฤติการณ์แห่งคดี พบข้อเท็จจริงว่าพวกคุณลักลอบนำอาวุธปืนซุกซ่อนไว้ในรถก่อนตั้งแต่แรกแล้ว ก่อนที่จะลักลอบเข้าไปตั้งแคมป์ในเส้นทางและบริเวณพื้นที่ที่ไม่อนุญาตให้เข้าไปซึ่งเป็นบริเวณที่สงวนไว้สำหรับการอยู่อาศัยและหากินของสัตว์ป่าตามธรรมชาติอีก แสดงให้เห็นว่าพวกคุณมีเจตนาเข้าไปภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเพื่อล่าสัตว์ป่าตั้งแต่แรกแล้ว มิได้มีเจตนาเข้าไปเพียง เพื่อการพักผ่อน การที่คุณมีซากสัตว์ป่า และร่องรอยกระสุน บนซากสัตว์ป่า เศษซากกระดูกสัตว์ป่าที่พบในลำห้วย รวมถึงการประกอบอาหารที่ทำมาจากเนื้อสัตว์ป่า ที่ตรวจพบในบริเวณที่ตั้งแคมป์ล้วนเป็นพยานวัตถุสำคัญที่ชัดเจนยิ่งว่านายเปรมชัยกับพวกได้ร่วมกันกระทำความผิดสำเร็จฐานล่าสัตว์ป่าคุ้มครองภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า



6.คุณโชคร้ายที่วันนี้ฝ่ายราชการในกรมอุทยานฯเองก็ไม่ใช่จะเคลียร์ง่าย คนดีๆตั้งใจทำงานเขามีศักดิ์ศรีของเขา ผลตรวจสอบหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จากชิ้นส่วนซากสัตว์ ทั้งเนื้อ กระดูก และหนัง ยืนยันว่าเป็นเสือตัวเดียวกัน พบอาวุธปืนมีร่องรอยกระสุนและ DNA บนมีด เขียง เพียงพอที่จะทำให้พนักงานอัยการเชื่อได้ว่า เสือดำถูกยิง ถูกล่าและชำแหละ และแม้ว่าคุณจะอ้างว่าไม่ได้เป็นคนลงมือ แต่อาวุธปืน มีด เขียง รถยนต์ที่ใช้เข้าป่า เป็นของคุณทั้งสิ้น เข้าข่ายลักษณะการแบ่งหน้าที่กันทำ สามารถพิสูจน์ความผิด 7. เรื่องที่ผมเชื่อว่าคุณจะโชคร้ายที่สุดคือ คุณจะถูกเครือข่ายบริวารที่จ้องหาผลประโยชน์จากคุณหลอกให้คุณสู้ไปเรื่อยๆ และในที่สุดก็เสียทั้งเงิน ทั้งติดคุกมากขึ้น และไม่มีโอกาสสารภาพ สำนึกผิดปรับภาพลักษณ์กลับคืนมา