ตำรวจ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานีจับกุมผู้ต้องหาลักรถจักรยานยนต์พร้อมของกลาง 6 คัน
เมื่อวันที่ 17 ม.ค.68 ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.นิพล ชาตรี ผกก.สภ.สุราษฎร์ธานี พ.ต.ท.ยศ ชาวเรา รอง ผกก.สส.สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ร่วมกันจับกุมตัว นายเอกรัตน์ หรือ "เอก" อายุ 41 ปี ผู้ต้องหาลักทรัพย์พร้อมของกลาง รถจักรยานยนต์ จำนวน 6 คัน
พ.ต.อ.นิพล กล่าวว่า ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาในเขตพื้นที่ สภ.เมืองสุราษฎร์ธานีรับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์หายหลายครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นรถที่เจ้าของรถลืมกุญแจไว้ทั้งสิ้น จึงได้กำชับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเร่งติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีเพราะถือว่าเป็นคดีที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้เร่งติดตามตัวจนสามารถจับกุมตัวคนร้ายก่อเหตุได้ ทั้งนี้เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 15 ม.ค.68 ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ออกตรวจพื้นที่ได้สังเกตเห็นนายเอกรัตน์ ผู้ต้องหา เดินอยู่บริเวณริมเขื่อนแม่น้ำตาปี มีลักษณะการแต่งกายใกล้เคียงกับคนร้ายที่ก่อเหตุ จึงได้เรียกตรวจสอบพบว่า มีหมายจับของศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี "ในความผิดฐาน มีและใช้สิ่งของต้องห้ามในเรือนจำ และทำร้ายร้ายร่างกายผู้อื่น" จึงนำตัวมาสอบสวนขยายผล
จากการสอบสวน นายเอกรัตน์ให้การรับสารภาพว่าได้ลักรถจักรยานยนต์ดังกล่าวจริง โดยนำรถที่ลักไปเพื่อรอจำหน่าย โดยได้นำไปเก็บไว้ที่ขนำที่สวนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อรอนำไปจำหน่ายต่อ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจึงได้ติดตามไปตรวจสอบสามารถตรวจยึดรถได้ทั้งหมดจำนวน 5 คัน และสามารถตรวจยึดจากผู้รับซื้อคืออีกจำนวน 1 คัน โดยอ้างว่าเป็นรถที่หลุดจำนำ ทั้งนี้จากการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาพบว่าเคยต้องโทษคดีลักรถจักรยานยนต์มาแล้ว 2 ครั้ง เพิ่งพ้นโทษในคดีลักทรัพย์มาได้ประมาณ 1 ปี แต่ช่วงหลังไม่มีงานทำและได้มาอาศัยอยู่กับแฟนสาวใกล้กับ รพ.สุราษฎร์ธานี จึงได้ออกมาเดินดูที่บริเวณลานจอดรถจักรยานยนต์ของ รพ.สุราษฎร์ธานี หากพบว่าคันไหนที่มีกุญแจรถเสียบไว้ก็จะลักออกไปขายได้อย่างง่ายดาย ซึ่งที่ผ่านมาได้ก่อเหตุที่บริเวณ รพ.สุราษฎร์ธานีได้รถไปจำนวน 2 คัน รร.มานิตานุเคราะห์จำนวน 1 คัน ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 1 คัน ที่ห้างโลตัสจำนวน 1 คัน ที่สวนสาธารณะสะพานนริศจำนวน 1 คัน และทุกครั้งที่ก่อเหตุ ผู้ต้องหาจะออกตระเวนลักรถโดยใช้วิธีเดินดูตามแหล่งชุมชนที่มีรถจักรยานยนต์จอดเป็นจำนวนมาก หากพบว่าคันไหนมีกุญแจเสียบอยู่ที่รถก็จะทำการลักไปอย่างง่ายดาย และจะนำไปขายในราคา ตั้งแต่ 6 พัน ถึง 1 หมื่นบาทตามสภาพ เมื่อได้เงินมาก็จะนำไปไปเล่นการพนันและใช้จ่าย จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีในข้องหาลักทรัพย์ต่อไป