"จุลพงศ์"ห่วงเดินหน้า "กาสิโน" เป็นฮับสีเทาระดับโลก เหตุไทยบังคับใช้กฎหมายหละหลวม เลือกปฏิบัติ
เมื่อวันที่ 14 ม.ค. 68 ที่รัฐสภา นายจุลพงศ์ อยู่เกษ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่ ครม.ผ่านร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบริการครบวงจร หรือ พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ว่า ตนมีข้อวิตกกังวลในการมีกาสิโนในประเทศไทย หากรัฐบาลจะยังคงยืนยันผลักดันกฎหมายดังกล่าว โดยสภาพทั่วไปของประเทศไทย รัฐบาลยังปล่อยให้มีการบังคับใช้กฎหมายที่หละหลวมและเลือกปฏิบัติ คอร์รัปชนยังเต็มไปหมดในทุกระดับ เห็นว่าหากมีการเปิดกาสิโนในประเทศไทยจะกลายเป็นฮับระดับโลกในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น การฟอกเงิน การค้ามนุษย์ อบายมุข ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ การคอร์รัปชันทุกรูปแบบ แม้กระทั่งการทวงหนี้โหดที่เคยเกิดขึ้นในมาเก๊า กาสิโนจะเป็นถังขยะใบโตที่ทิ้งไว้ให้รุ่นลูกหลาน
นายจุลพงศ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าในสภาพสังคมไทยยังไม่พร้อมที่จะมีกาสิโน เพราะขาดการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด มีการเลือกปฏิบัติ การทุจริตคอร์รัปชันยังแพร่หลาย เรื่องเหล่านี้ ยังไม่เห็นรัฐบาลจะลงมือแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจัง เพื่อเตรียมการสำหรับการมีกาสิโนในประเทศไทย จากการจับกระแสคนไทยที่ไม่เห็นด้วยกับการมีกาสิโนในประเทศไทย พบว่ามีสาเหตุสำคัญ คือ การหลั่งไหลของการกระทําผิดกฎหมายเพราะกาสิโนจะเป็นเครื่องเร่งในการทำให้ประเทศไทยเป็นฮับของการทำผิดกฎหมายข้ามชาติ มีความกังวลว่าผลกระทบทางลบจากการพนันในสังคมไทยจะมีมากขึ้น รวมถึงความโปร่งใสในการคัดเลือกผู้รับใบอนุญาต รัฐบาลไม่ควรยกตัวอย่างสิงคโปร์หรือญี่ปุ่น ซึ่งเทียบกับประเทศไทยไม่ได้ในเรื่องประสิทธิภาพของการบังคับใช้กฎหมาย หลายสิบปีก่อนสิงคโปร์ก็ไม่ยอมให้มีกาสิโน แต่เมื่อรัฐบาสิงคโปร์ประสบความสำเร็จในการปราบคอร์รัปชันและมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ รัฐบาลจึงยอมให้มีกาสิโน ส่วนประเทศญี่ปุ่น ทราบว่าจะยอมให้มีการเปิดกาสิโนในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งมีกระบวนการคิดหลายสิบปี ไม่ใช่ปีสองปีเท่านั้น
นายจุลพงศ์ กล่าวว่า หากรัฐบาลยังดึงดันยืนยันให้ร่าง พ.ร.บ. นี้ มีผลบังคับใช้จริง ตนขอเสนอ 5 ประเด็น คือ 1. ร่าง พ.ร.บ.ควรเพิ่มการกําหนดให้มีการประกาศเงื่อนไขและข้อกําหนดการประมูลใบอนุญาตกาสิโน รวมทั้งจัดมีการประมูลใบอนุญาตอย่างเปิดเผยต่อสาธารณะเหมือนใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมของ กสทช. เพื่อลดข่าวลือว่ามีการแบ่งใบอนุญาตกันล่วงหน้าแล้ว 2. การกำหนดจังหวัดและเขตที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจรที่จะมีกาสิโนอยู่ในนั้นด้วย ตามร่าง พ.ร.บ. ที่ ครม. เพิ่งอนุมัติไปได้ให้อํานาจแก่ครม. ที่จะออก พ.ร.ก.กําหนดจังหวัดและเขตที่ตั้งสถานบันเทิงฯ ได้เลย แต่เห็นว่าก่อนที่ ครม.จะออก พ.ร.ก. ควรทำประชามติของประชาชนในพื้นที่ก่อนว่าเห็นชอบด้วยหรือไม่
นายจุลพงษ์ กล่าวว่า 3. การกําหนดเงื่อนไขการเข้าเล่นกาสิโนของคนไทยที่ไม่เพียงแต่มีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี แต่ควรกำหนดเงื่อนไขอื่น ๆ เช่น รายได้ขั้นต่ำ การไม่ติดเครดิตบูโร การไม่มีประวัติอาชญากรรม การขออนุญาตเข้าเล่นล่วงหน้าซึ่งอาจจะทําทางออนไลน์ เป็นต้น 4. การจัดแบ่งรายได้เข้ารัฐ ร่าง พ.ร.บ.นี้ ได้กำหนดให้ผู้ถือใบอนุญาตกาสิโนจัดแบ่งรายได้เข้ารัฐไม่ว่าจะเรียกว่าอะไรก็ตาม โดยแบ่งให้รัฐเป็นรายปีจํานวน 5,000 ล้านบาทต่อปี ตลอดระยะเวลาใบอนุญาต 30 ปี เหมือนเป็นจํานวนเงินที่สูงและการกําหนดจํานวนเงินรายได้เข้ารัฐที่แน่นอน แท้จริงแล้วกาสิโนในต่างประเทศมีรูปแบบการจัดสรรรายได้ให้รัฐหลายรูปแบบ ดังนั้น ขอเสนอรูปแบบให้มีการจัดสรรรายได้ให้รัฐจากรายได้ก่อนหักภาษีและค่าใช้จ่ายผันแปรไปตามรายได้ของแต่ละปีตลอดระยะเวลาใบอนุญาต 30 ปี แทนที่รัฐจะได้รับรายได้จำนวนคงที่ตลอด 30 ปี
นายจุลพงศ์ กล่าวว่า 5. ควรจัดตั้งกองทุนป้องกันและฟื้นฟูผลกระทบจากการประกอบธุรกิจสถานประกอบการครบวงจร ตัวอย่างผลกระทบดังกล่าวที่คาดการณ์ได้ว่าจะเกิดขึ้นคือปัญหาการติดการพนันที่จะทําให้ครอบครัวและสังคมเดือดร้อน ซึ่งเรื่องนี้ตรงกับความห่วงใยของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่ได้มีความเห็นไว้ในที่ประชุม ครม. กระทรวงการคลังจึงอาจจะพิจารณานําเรื่องการจัดตั้งกองทุน ที่ถูกตัดออกไป กลับมาไว้ใน พ.ร.บ.ตามเดิม