"ชัยชนะ" ชี้ตรวจสอบเส้นทางการเงินปมอบรมฉาวรู้ใครเอี่ยว

2025-01-09 16:14:18

"ชัยชนะ" ชี้ตรวจสอบเส้นทางการเงินปมอบรมฉาวรู้ใครเอี่ยว

Advertisement

"ชัยชนะ" ชี้ตรวจสอบเส้นทางการเงินปมอบรมอาสาสมัครตำรวจคนจีน คาด 15 วันรู้ใครเอี่ยว

เมื่อวันที่ 9 ม.ค.68 นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะประธานกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวภายหลังการประชุม กมธ. ถึงการจัดอบรมอาสาสมัครตำรวจคนจีน ที่มีการเก็บเงินค่าอบรม 38,000 บาท โดยผู้เข้าอบรมได้ประกาศนียบัตรเป็นตำรวจอาสาสมัครตำรวจคนจีน พร้อมเสื้อกั๊กและบัตรติดตราสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่า ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้ง 3 ข้อหา ได้แก่ 1.ใช้อุปกรณ์ ที่มีโลโก้ตราตำรวจ 2.ใช้ตราราชการตำรวจโดยไม่รับอนุญาต และ 3. ใช้สัญลักษณ์สถาบันอุดมศึกษาโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมทั้งการโฆษณาในสื่อโซเชียลมีเดียที่มีสัญลักษณ์ของกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ CIB ซึ่งทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้แจ้งข้อหาตามพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ เพิ่มเติมอีกหนึ่งข้อหา

นายชัยชนะ กล่าวว่า ทาง กมธ.ตั้งข้อสังเกตถึงการออกบัตรอาสานั้น ตำรวจผู้เซ็นบัตรมีความผิดด้วยหรือไม่ ซึ่งเราไดรับคำชี้แจงจาก พ.ต.อ.ซึ่งเป็นเจ้าของลายเซ็นบนบัตรว่า ได้เซ็นเพียงบนใบประกาศนียบัตรเท่านั้น อาจจะมีการนำไปสแกนลงบัตรหรือไม่ ซึ่งทาง กมธ.จึงได้สอบถามถึงความผิดทางอาญา จากการเซ็นใบประกาศในการอบรมหลักสูตรเถื่อนว่ามีความผิดหรือไม่ เพราะถือเป็นการยอมรับว่าหลักสูตรดังกล่าวถูกต้อง การสแกนลายเซ็นจากประกาศนียบัตรลงบัตร หากไม่ทราบก็คงเป็นไปไม่ได้ และหากบนบัตรมีลายเซ็ฯจะถือว่าผิดกฎหมายหรือไม่เพราะถือเป็นการปลอมแปลงเอกสารทางราชการ

นายชัยชนะ กล่าวว่า การสร้างหลักสูตรนี้ขึ้นมา ตนคาดการณ์ว่าเกิดจากการร่วมมือเพื่อหารายได้ ส่วนเงินจะเข้ากระเป๋าใครนั้นขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และผู้อบรมจำนวน 13 คน ก็ยังไม่สามารถระบุตัวตนได้ จึงต้องส่งเรื่องให้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ตรวจสอบต่อไป รวมทั้งตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้อบรมด้วยว่าเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติหรือไม่ หากใครมีส่วนเกี่ยวข้องทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะดำเนินคดีทางอาญาต่อไป คาดใช้เวลาตรวจสอบไม่เกิน 15 วัน

เมื่อถามว่า มหาวิทยาลัยยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใช่หรือไม่นั้น นายชัยชนะ กล่าวว่า มหาลัยยืนยันว่าไม่ทราบ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ทาง กมธ.ได้ตั้งข้อสังเกตถึงแผนปฏิบัติที่ทางมหาวิทยาลัยต้องทราบการขอใช้ห้องภายในมหาวิทยาลัย จะอ้างไม่ทราบว่าใครใช้ห้องไหนไม่ได้ แต่ทางมหาวิทยาลัยยอมรับว่าหละหลวมในเรื่องนี้

ด้าน น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส.กทม.พรรคประชาชน กล่าวว่า ตนคาดหวังว่าผู้ชี้แจงจะเป็นระดับ ผบ.ตร. หรือ ผบช.น. มาชี้แจงด้วยตนเอง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสำคัญ แต่ปรากฏว่าไม่มีใครมาเลย เนื่องจากตนได้นำหลักฐานเพิ่มเติมเข้ามามอบให้ทาง กมธ. ซึ่งมีความเชื่อมโยง มีตัวละครเพิ่มขึ้น และเรื่องนี้ไม่ได้มีแค่ประธานสมาคมคนเดียวแน่นอน มีความเสียหายเกิดขึ้นแล้วและอาจจะไม่ได้เกิดแค่ภายในประเทศ เพราะมีหลายคนที่ผ่านการอบรมหนีออกไปนอกประเทศไปแล้ว รวมถึงยังไม่ได้ความชัดเจนจากตำรวจ จึงอยากเรียกร้องให้มีการดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนก่อนที่ความเสียหายจะมากเกินกว่าที่เราจะคาดการณ์ได้ และอยากให้ทางรัฐบาลให้ความสำคัญเพราะไม่ใช่เพียงแค่เรื่องความมั่นคงของตำรวจอย่างเดียว แต่รวมไปถึงความมั่นคงทางธุรกิจด้วย เพราะเป็นความเชื่อมั่นของนักลงทุน นักท่องเที่ยว ที่อาจจะรู้สึกว่าประเทศไทยไม่ปลอดภัย