ลอสแอนเจลิส, 9 ม.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันพุธ (8 ม.ค.) แอนโทนี มาร์โรน หัวหน้าหน่วยดับเพลิงประจำเทศมณฑลลอสแอนเจลิสของสหรัฐฯ รายงานว่าไฟป่าสามจุดใหญ่กำลังลุกลามทั่วลอสแอนเจลิส ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย และประชาชนหลายหมื่นคนต้องอพยพออกจากพื้นที่ประสบภัย
รายงานระบุว่าไฟป่าพาลิเซดส์ (Palisades fire) ซึ่งเป็นไฟป่าที่ลุกลามด้วยแรงลมในพื้นที่แปซิฟิกพาลิเซดส์ เริ่มปะทุเมื่อวันอังคาร (7 ม.ค.) และกระจายทั่วพื้นที่ 5,000 เอเคอร์ (ราว 12,650 ไร่) เมื่อนับถึงวันพุธ (8 ม.ค.) โดยยังไม่มีการเข้าควบคุมเปลวเพลิง
ไฟป่าพาลิเซดส์ทำลายสิ่งปลูกสร้างราว 1,000 แห่ง รวมถึงบ้านหรูราคาแพงจำนวนมากที่สร้างอยู่ระหว่างพื้นที่เทือกเขาซานตาโมนิกากับมหาสมุทรแปซิพิก ส่งผลให้ผู้คนหลายพันคนต้องอพยพหนีตายตามคำเตือนอพยพฉบับใหม่
สถานที่สำคัญหลายแห่งในชุมชนหรู เช่น พิพิธภัณฑ์เก็ตตี วิลลา ที่จัดแสดงวัตถุโบราณยุคกรีกและโรมัน และบ้านอีเมสสไตล์ร่วมสมัยยุคกลาง ได้รับผลกระทบจากไฟป่า
ไฟป่าอีตัน (Eaton fire) ซึ่งปะทุช่วงคืนวันอังคาร (7 ม.ค.) ได้ลุกลามทั่วพื้นที่มากกว่า 2,200 เอเคอร์ (ราว 5,600 ไร่) ใกล้อัลตาดีนาและแพซาดีนา สองเมืองใกล้กับลอสแอนเจลิส ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 ราย และผู้บาดเจ็บจำนวนมาก
ขณะไฟป่าเฮิร์สต์ (Hurst fire) ลุกลามอย่างรวดเร็วตามลมแรงตอนข้ามคืนในพื้นที่ซิลมาร์ ครอบคลุมพื้นที่ 500 เอเคอร์ (ราว 1,300 ไร่) เมื่อนับถึงวันพุธ (8 ม.ค.)
ทางการท้องถิ่นชี้ว่าสถานการณ์ไฟป่ารุนแรงในภูมิภาคเซาเทิร์น แคลิฟอร์เนีย เป็นผลจากหลายปัจจัยร่วม ทั้งลมกระโชกแรง ความชื้นสัมพัทธ์ต่ำมาก และพืชพรรณที่แห้ง โดยเฉพาะลมแรงสูงผิดปกติถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในช่วงข้ามคืน
ด้านเซาเทิร์น แคลิฟอร์เนีย เอดิสัน (Southern California Edison) ผู้ดูแลโครงข่ายไฟฟ้าของภูมิภาคเซาเทิร์น แคลิฟอร์เนีย เผยว่าหลายเทศมณฑลของภูมิภาคเกิดไฟฟ้าดับหลายสิบครั้ง ส่งผลให้ประชาชนไม่มีไฟฟ้าใช้เกือบ 55,000 คน