"บัญญัติ"ชี้ปี 68 การเมืองร้อนรุ่ม รัฐบาลเจอสารพัดปัญหา สิ่งที่ทำให้ประชาชนรู้สึกอึดอัดคือความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรม การเลือกปฏิบัติ โดยเฉพาะกรณี "ทักษิณ"
เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 68 นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปี 2568 ว่า น่าจะเป็นปีแห่งความรุ่มร้อนและร้อนรุ่ม ทั้งปัญหาด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ประชาชนประสบความยากลำบากจากปัญหาเศรษฐกิจครัวเรือน น้ำท่วมใหญ่ในหลายพื้นที่ยิ่งซ้ำเติมให้เดือดร้อนมากขึ้น ขณะเดียวกันการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลที่ใช้นโยบายประชานิยม ซึ่งเป็นนโยบายเฉพาะหน้า ไม่ได้แก้ที่รากฐานเพื่อนำไปสู่ความยั่งยืน แม้รัฐบาลประกาศว่าจะทำให้ตัวเลขจีดีพีทางเศรษฐกิจเติบโตให้อยู่ที่ 2.6-2.8 เปอร์เซ็นต์ แต่ไม่มีปัจจัยอะไรที่สามารถค้ำจุนเศรษฐกิจให้มั่นคงแข็งแรงถาวรได้ เพราะตอนนี้เศรษฐกิจของเราอยู่ได้จากการส่งออกกับรายได้จากการท่องเที่ยว โดยรัฐบาลทุ่มให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวมากเป็นพิเศษ แต่นโยบายฟรีวีซ่ากับชาวต่างชาติกลับทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่มีคุณภาพ เข้ามาจำนวนมาก และคนเหล่านี้มีการใช้จ่ายในไทยไม่มากเท่าที่ควร หลังจากใช้นโยบายนี้สักระยะหนึ่งทุกอย่างจะแผ่วลง ส่วนเรื่องรายได้จากการส่งออกที่หลายคนเป็นห่วง จากกรณีที่สหรัฐฯ อาจจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายที่มีต่อจีน และอีกหลายประเทศที่เขามองว่าเสียดุล โดยหนึ่งในนั้นมีไทยด้วย ตนจึงคิดว่าไทยอาจอยู่ในเป้าหมายของสหรัฐฯด้วย และอาจโดน 2 ต่อ คือถ้าสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าจากไทย 10 เปอร์เซ็นต์ เราก็จะแย่ และถ้าสหรัฐฯไปเล่นงานจีนหนัก ก็จะกระทบกับไทยด้วย เพราะจีนเป็นคู่ค้าสำคัญของไทย ขณะเดียวกันมีสินค้าราคาถูกจำนวนมากเข้ามาตีตลาดไทย ตนจึงเห็นว่าเศรษฐกิจในปี 2568 ยังหวังอะไรไม่ได้ ประชาชนยังประสบความลำบาก ยังรุ่มร้อนต่อไป และถ้าระดับเพิ่มมากๆทุกคนก็จะกดดันมายังรัฐบาลให้ร้อนรุ่มไปด้วย
นายบัญญัติ กล่าวต่อว่า สิ่งที่จะทำให้ประชาชนรู้สึกอึดอัด โดยเฉพาะผู้ที่ตื่นตัวทางการเมือง คือความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรม การเลือกปฏิบัติ ถือเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก โดยเฉพาะกรณีของกรมราชทัณฑ์ที่เชื่อมโยงกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ต่อข้อถามว่าตัวที่เร่งให้การเมืองยิ่งร้อนรุ่มคือนายทักษิณด้วยใช่หรือไม่ นายบัญญัติ กล่าวว่า นายทักษิณมีคนชื่นชมมาก แต่มีคนที่เกลียดอยู่จำนวนไม่น้อย ตามคำโบราณที่ว่า คนรักเท่าผืนหนัง คนชั่งเท่าผืนเสื่อ พอมีการขับเคี่ยวกันหนักๆ มีการหยิบยกพฤติกรรมในอดีต และความล้มเหลวมาพูดให้สังคมรับรู้มากขึ้น