“ไพบูลย์” เสนอ 2 กฎหมายปฏิรูปวงการสงฆ์

2017-03-01 14:55:17

“ไพบูลย์” เสนอ 2 กฎหมายปฏิรูปวงการสงฆ์

Advertisement

“ไพบูลย์” เสนอ 2 กฎหมายปฏิรูปวงการสงฆ์ แนะ ตั้งศาลพระวินิจฉัยพระธรรมวินัย - ก.ม.จัดการทรัพย์สินพระต้องเปิดเผย และเงินบริจาคต้องเป็นของวัด มั่นใจ 3 เหตุผล “ธัมมชโย” ยังอยู่ในวัดพระธรรมกาย วอน กระบวนการยุติธรรมให้ประกัน



เมื่อวันที่ 1 มี.ค. เวลา 14.55 น. ที่รัฐสภา นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตประธานคณะกรรมการปฏิรูปแนวทางและมาตรการปกป้อง พิทักษ์ กิจการพระพุทธศาสนา สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แถลงว่า ตนได้มีหนังสือกราบทูลถึงสมเด็จพระสังฆราช และส่งถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) รวมถึงประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เพื่อเสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จำนวน 2 ฉบับ คือ 1.ร่าง พ.ร.บ.สภาพุทธบริษัทแห่งชาติ เพื่อตีความพระธรรมวินัยไม่ให้มีผู้นำไปบิดเบือน ดังเช่นศาลรัฐธรรมนูญที่ตีความกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพื่อส่งเสริมให้กิจการพระพุทธศาสนาอยู่ในหลักการแห่งพระธรรมวินัย










2.ร่าง พ.ร.บ. ว่าด้วยการจัดการทรัพย์สินวัดและพระภิกษุ  เพื่อให้การจัดการทรัพย์สินของวัดและทรัพย์สินของพระภิกษุเป็นไปอย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับหลักพระธรรมวินัย โดยเน้นหลักธรรมาภิบาลในการบริหารจัดการ เพื่อการมีส่วนร่วมของพุทธบริษัทและให้วัดที่เข้าเกณฑ์จะต้องมีระบบการจัดทำบัญชีทรัพย์สินของวัดที่เป็นไปตามมาตรฐานบัญชี มีผู้ตรวจสอบบัญชีรับอนุญาตรับรอง และส่งให้สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ เปิดเผยให้พุทธศาสนิกชนทราบและทรัพย์สินของวัดให้หมายความรวมถึงทรัพย์สินของมูลนิธิหรือองค์การที่จัดตั้งขึ้นโดยวัด หรือเกี่ยวเนื่องกับวัดด้วย ทั้งนี้ตามที่กำหนดในกฎกระทรวง







“ส่วนทรัพย์สินของพระภิกษุที่ได้มาในระหว่างที่อยู่ในสมณเพศ ให้ถือเป็นทรัพย์สินของวัดที่พระภิกษุนั้นสังกัดอยู่และให้พระภิกษุใช้จ่ายทรัพย์สินดังกล่าวได้ตามความจำเป็น เพื่อการดำรงสมณเพศเพื่อประโยชน์แก่วัดและศาสนกิจเท่านั้น เมื่อพระภิกษุพ้นจากความเป็นพระภิกษุหรือมรณภาพ ให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นทรัพย์สินของวัดที่พระภิกษุนั้นสังกัดอยู่ และพระภิกษุจะต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินที่อยู่ในการดูแลของตนให้คณะกรรมการจัดการทรัพย์สินของวัดที่ตนสังกัดอยู่ทราบทุกปี” นายไพบูลย์ กล่าว




นายไพบูลย์ ยังได้แสดงความมั่นใจ 99.99 เปอร์เซ็นต์ ว่าพระธัมมชโยยังอยู่ในวัดพระธรรมกาย ด้วยเหตุผล 3 ข้อ คือ 1.บรรดาผู้สนับสนุน พระชั้นผู้ใหญ่ และ “5 เสือธรรมกาย” ซึ่งเป็นพระที่ใกล้ชิดกับพระธัมมชโย ยังอยู่ในวัดพระธรรมกาย จึงไม่มีทางที่พระธัมมชโย จะออกไปอยู่ข้างนอกตามลำพัง 2.มีการตรวจจับสัญญาณโทรศัพท์ พบว่ามีบุคคลใกล้ชิดพระธัมมชโย ได้ติดต่อไปเมื่อวันที่ 18 ก.พ. ช่วงเวลา 04.00 น. ซึ่งหลังจากออกคำสั่ง มาตรา 44 เมื่อวันที่ 16 ก.พ. แสดงให้เห็นว่าพระธัมมชโยยังอยู่ในวัดและไม่สามารถออกไปไหนได้ 3.เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ลูกศิษย์ของพระธัมมชโย กว่า 2,000 คน ได้บุกเข้าไปเพิ่มกำลังในวัด เมื่อเข้าไปได้แล้วก็ประกาศไม่ให้เจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้าไปตรวจค้นในวัดอีก แสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการให้ตรวจพบจนเจอพระธัมมชโย




นายไพบูลย์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น หากต้องการให้เรื่องนี้ยุติลง ตนเสนอให้พระธัมมชโย ออกมามอบตัวและให้สังคมช่วยกันเรียกร้องไปยังกระบวนการยุติธรรม ว่าหากพระธัมมชโยมอบตัวควรได้สิทธิประกันตัวต่อสู้คดีจะได้ไม่ถูกจับสึกจากความเป็นพระก่อนที่คดีจะมีการตัดสิน ซึ่งเชื่อว่าหากดำเนินการตามนี้เรื่องทุกอย่างจะจบลง