เลขาธิการคุรุสภาพร้อมลงโทษครูชายเปิดกระโปรงเด็ก ป.4 หากพบผิดจริง
ตามที่ปรากฏเป็นข่าวทางสื่อมวลชน กรณีผู้ปกครองเด็กนักเรียนหญิง ชั้น ป.4 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ เข้าแจ้งความที่ สภ.ประโคนชัย อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ให้เอาผิดกับครูชายโรงเรียนดังกล่าว หลังก่อเหตุลวนลามบุตรหลานด้วยการพยายามเปิดกระโปรงนักเรียนหลายครั้ง
เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.67 ผศ.ดร.อมลวรรณ วีระธรรมโม เลขาธิการคุรุสภา กล่าวว่า สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา ได้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลของผู้ประกอบวิชาชีพครูของบุคคลที่ตกเป็นข่าว พบว่า มีข้อมูลการได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูชั้นต้น วันออกใบอนุญาต 21 มี.ค.67 วันหมดอายุ 20 มีงค.72 และจากการประสานข้อมูลกับศูนย์บริหารความสุขและความปลอดภัย สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทราบว่าสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาบุรีรัมย์ เขต 2 หน่วยงานต้นสังกัด ได้ตั้งคณะกรรมการสอบหาข้อเท็จจริง พร้อมกับสั่งให้มาปฏิบัติหน้าที่ ณ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาฯ แล้ว
ผศ.ดร.อมลวรรณ กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินการทางด้านจรรยาบรรณของวิชาชีพ ขณะนี้ได้รับเรื่องเข้าสู่กระบวนการพิจารณาและอยู่ระหว่างประสานข้อมูลเป็นทางการกับหน่วยงานต้นสังกัดเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานเสนอคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพพิจารณาตามข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2553 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ การดำเนินการพิจารณาการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพเป็นกระบวนการพิจารณาออกคำสั่งทางปกครอง จึงต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายที่กำหนดและให้มีมาตรฐานไม่ต่ำกว่าพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
"การที่ครูมีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กนักเรียน ถือว่าเป็นการประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ ด้านจรรยาบรรณต่อตนเอง และต่อผู้รับบริการ ตามข้อบังคับคุรุสภาว่าด้วยจรรยาบรรณของวิชาชีพ พ.ศ. 2556 ซึ่งครูจะต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมของศิษย์และผู้รับบริการ ขณะเดียวกันก็จะต้องมีความรัก เมตตา เอาใจใส่ ช่วยเหลือและคอยส่งเสริมให้กำลังใจแก่ศิษย์ อย่างไรก็ตามคุรุสภาจะดำเนินการตรวจสอบเพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนผลการพิจารณาจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน หากผิดจริงผู้กระทำผิดก็จะต้องได้รับโทษสถานหนักอย่างแน่นอน ทั้งนี้ ขอเน้นย้ำให้ผู้ประกอบวิชาชีพครู ได้ตระหนักถึงการดำเนินการใดๆ กับศิษย์หรือผู้รับบริการ จะต้องคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดกับศิษย์หรือผู้รับบริการเป็นสำคัญ โดยเฉพาะการลงโทษเพื่อปรับพฤติกรรมของศิษย์ในทาง ที่สร้างสรรค์ และไม่ใช้ความรุนแรง ทั้งทางกาย และวาจา ซึ่งจะส่งผลกระทบถึงจิตใจของศิษย์และผู้รับบริการ" ผศ.ดร.อมลวรรณ กล่าว