เมื่อวันพฤหัสบดี (5 ธ.ค.) สมาคมฝ้ายซินเจียงเรียกร้องให้แบรนด์ระดับสากลอย่างยูนิโคล่ (Uniqlo) ให้เกียรติและไว้วางใจฝ้ายจากซินเจียง กลับมาใช้งานฝ้ายซินเจียง และสนับสนุนการพัฒนาที่แข็งแกร่งและมั่นคงของอุตสาหกรรมสิ่งทอฝ้ายระดับโลก
สมาคมฯ ออกแถลงการณ์ข้างต้นหลังจากที่ทาดาชิ ยานาอิ ผู้ก่อตั้งยูนิโคล่ บริษัทค้าปลีกเสื้อผ้ายักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น กล่าวเมื่อไม่นานนี้ว่ายูนิโคล่ไม่ได้ใช้ฝ้ายที่จัดหามาจากซินเจียงในผลิตภัณฑ์ของบริษัท
สมาคมฯ แสดงการคัดค้านข้อกล่าวอ้างดังกล่าว พร้อมเรียกร้องให้ชุมชนระหว่างประเทศ และกลุ่มบริษัทสิ่งทอและเครื่องแต่งกาย เคารพข้อเท็จจริงและแยกแยะความเห็นและการกระทำที่มุ่งต่อต้านซินเจียง ผ่านการคิดวิเคราะห์และการตัดสินใจอย่างมีเหตุผล
แถลงการณ์ระบุว่าซินเจียงมีสภาพแวดล้อมทางธรรมชาติที่เอื้อต่อการเพาะปลูกฝ้าย เนื่องจากจุดแข็งด้านที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และสภาพภูมิอากาศที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ทำให้เป็นหนึ่งในสถานที่เพาะปลูกฝ้ายที่ดีที่สุดในโลก
กลุ่มนักวิเคราะห์อุตสาหกรรมเผยว่านับตั้งแต่กฎหมายที่มีชื่อว่า "กฎหมายป้องกันแรงงานบังคับชาวอุยกูร์" (Uyghur Forced Labor Prevention Act) ถูกลงนามเป็นกฎหมายในสหรัฐฯ เมื่อปี 2021 ธุรกิจต่างๆ ถูกบีบบังคับให้เลิกใช้งานหรือใช้ผลิตภัณฑ์อื่นแทนฝ้ายซินเจียงด้วยความกลัวว่าจะติดร่างแหหรือถูกคว่ำบาตร โดยการกระทำดังกล่าวส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศตามปกติอย่างรุนแรง และสร้างความระส่ำระสายในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
"สหรัฐฯ ได้แพร่ข่าวลือเกี่ยวกับฝ้ายซินเจียงซ้ำแล้วซ้ำเล่าภายใต้หน้ากากของคำว่า 'สิทธิมนุษยชน' และพยายามลิดรอนสิทธิของประชาชนในซินเจียงที่ต้องการปรับปรุงชีวิตความเป็นอยู่ผ่านการมุมานะและการจ้างงาน" สมาคมฯ ระบุ
สมาคมฯ ชี้ว่าสหรัฐฯ ใช้ข้อกล่าวอ้างเกี่ยวกับ "แรงงานบังคับ" ที่ไร้มูลความจริงโดยสิ้นเชิง เพื่อทำลายชื่อเสียงและคว่ำบาตรฝ้ายซินเจียงและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทางสมาคมฯ คัดค้านการกระทำเหล่านี้อย่างหนักแน่น
อนึ่ง ซินเจียงเป็นฐานเพาะปลูกฝ้ายขนาดใหญ่ที่สุดของจีน โดยผลผลิตฝ้ายของซินเจียงในปี 2023 สูงกว่า 5.11 ล้านตัน
สมาคมฯ ระบุว่าฝ้ายซินเจียงไม่เพียงแต่เป็นวัตถุดิบสิ่งทอคุณภาพสูงสำหรับจีนและทั่วโลก แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและการจ้างงานในท้องถิ่น
ปัจจุบันอุตสาหกรรมฝ้ายในซินเจียงใช้งานเครื่องจักรและเทคโนโลยีอัจฉริยะมากขึ้น โดยมีอัตราการปลูกฝ้ายด้วยเครื่องจักรแตะร้อยละ 100 และอัตราการเก็บเกี่ยวฝ้ายด้วยเครื่องจักรสูงราวร้อยละ 90