"ไอติม"พบ "วันนอร์" ตื๊อบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ

2024-11-27 14:55:06

"ไอติม"พบ "วันนอร์" ตื๊อบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ

Advertisement

"ไอติม"พบ "วันนอร์" ตื๊อบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ให้มี ส.ส.ร. มายกร่าง รธน.ฉบับใหม่เข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาอีกครั้ง

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 27 พ.ย.67 ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร เข้าพบนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา เพื่อหารือถึงการผลักดันการบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา256 ให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) มายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้าที่ประธานรัฐสภาไม่บรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา256 ของพรรคก้าวไกล โดยอ้างคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญให้ทำประชามติสอบถามความเห็นประชาชนก่อนแก้รัฐธรรมนูญ

ภายหลังการเข้าพบนายพริษฐ์ กล่าวว่า สิ่งที่เป็นข้อถกเถียงขณะนี้คือ การทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญจะเป็น 2หรือ3ครั้ง หากย้อนไปต้นปี2567 พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล เคยริเริ่มแก้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่เข้าสู่สภาฯ โดยให้ทำประชามติ 2ครั้ง มี ส.ส.ร.มาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ปรากฏว่า คณะกรรมการประสานงานและเสนอความเห็น เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่มีเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธาน ให้ความเห็นต่อประธานรัฐสภา ไม่ให้บรรจุร่างแก้ไขดังกล่าว โดยอ้างคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญต้องทำประชามติ 3ครั้ง เป็นเหตุให้ประธานรัฐสภา ไม่บรรจุวาระดังกล่าว กลายเป็นความเห็นต่างการตีความ

นายพริษฐ์ กล่าวว่า ดังนั้นการเข้าพบประธานรัฐสภาในครั้งนี้ ได้นำข้อมูลเพิ่มเติม 2อย่างมายื่นต่อประธานรัฐสภาคือ 1.คำวินิจฉัยส่วนตัวตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ทั้ง 9คน ที่มีการระบุชัดเจนว่า ทำประชามติ 2ครั้งก็เพียงพอ 2.ข้อมูลที่ กมธ. เข้าพบประธานศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อเป็นข้อมูลใหม่ในการพิจารณาบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา256 โดยตั้งส.ส.ร. เข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภาอีกครั้ง โดยให้คณะกรรมการประสานงาน และเสนอความเห็น เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร ไปวินิจฉัยอีกครั้งว่า จะต้องทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ 3ครั้งหรือ 2ครั้ง หวังว่า ข้อมูลใหม่ทั้ง 2อย่าง จะเพียงพอให้คณะกรรมการประสานงานฯ วินิจฉัยว่า ทำประชามติแค่ 2 ครั้งก็เพียงพอ

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้ใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ นายพริษฐ์ตอบว่า รัฐบาลเคยสัญญากับประชาชนจะจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ให้ทันก่อนการเลือกตั้งครั้งถัดไป หรือตอนที่พรรคเพื่อไทยฉีกเอ็มโอยูพรรคก้าวไกลช่วงจัดตั้งรัฐบาล ก็ระบุว่า จะจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ให้เสร็จก่อนเลือกตั้ง แล้วจะยุบสภาฯ คืนอำนาจให้ประชาชน ฉะนั้นเห็นชัดว่า รัฐบาลได้สัญญาจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ก่อนเลือกตั้งครั้งถัดไป แต่หากรัฐบาลยังเดินตามแผนเดิมให้ทำประชามติ 3ครั้ง โอกาสที่จะมีรัฐธรรมนูญก่อนเลือกตั้งครั้งหน้า จะเป็นจริงน้อยมาก หนทางเดียวที่จะทำให้เป้าหมายดังกล่าวเป็นจริงได้คือ ลดการทำประชามติจาก 3 ครั้งเหลือ 2ครั้ง หากเดินตามแผนเดิม โอกาสเสร็จทันก็น้อย สิ่งที่อยากเห็นคือ ความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะรักษาสัญญากับประชาชน เป็นเป้าหมายที่รัฐบาลและพรรคประชาชนเห็นพ้องกัน จึงอยากเห็นรัฐบาลมาร่วมมือ และมุ่งมั่นทำเรื่องนี้ด้วยกัน เมื่อถามว่า จะคุยกับแกนนำพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายพริษฐ์ ตอบว่า ตอนออกหนังสือขอเข้าพบนั้น ออกพร้อมกัน 3ฉบับคือประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานสภาฯ และนายกรัฐมนตรี แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เข้าพบนายกรัฐมนตรี เป็นเจตนารมณ์ของเราอยู่แล้วที่อยากเข้าพบฝ่ายบริหาร ซึ่งเหลือเพียงคำตอบของฝ่ายบริหารว่าจะให้เราเข้าพบเมื่อไหร่

เมื่อถามว่า หากทำประชามติ 2 ครั้ง ประเมินว่าจะได้เห็น ส.ส.ร.ใหม่ทันปี 2568 หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวา หากมีการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ตั้งส.ส.ร. และคณะกรรมการประสานงานฯ ตัดสินใจบรรจุวาระในรอบนี้ ก็จะเข้าสู่การพิจารณาวาระ 1 ได้ทันที ในการเปิดสมัยประชุมสภาเดือนธ.ค. ก็มีความเป็นไปได้ว่า อาจจะผ่าน 3วาระ ภายใน 3-6 เดือน หากเป็นเช่นนั้น ประชามติรอบแรกจะเกิดขึ้นหลังผ่านวาระ3 อาจเป็นช่วงหลังปี2568 เมื่อประชามติผ่านแล้วจะต้องมีกระบวนการเลือกตั้งส.ส.ร. หากทำทุกอย่างเสร็จได้ภายในปี2568 ส.ส.ร.จะมีเวลาปี2569 จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และทำให้สามารถนำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไปทำประชามติรอบ2 ได้ช่วงต้นปี 2570 ก็จะเสร็จทันก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไป วันนี้อยากให้มีการทบทวนการตัดสินใจเรื่องการบรรจุวาระแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา256 ใหม่ จึงจำเป็นต้องยื่นร่างเดิมเข้าไปอีกครั้ง ให้คณะกรรมการประสานงานฯมีข้อมูลใหม่ประกอบการพิจารณา

ด้านว่าที่ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในฐานะประธานกรรมการประสานงานและเสนอความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เมื่อได้ข้อมูลใหม่ที่ กมธ.พัฒนาการเมืองฯยื่นต่อประธานรัฐสภาแล้ว จะนำไปประกอบคำวินิจฉัย เพื่อพิจารณาว่า คณะกรรมการประสานงานฯจะกลับมติที่เคยให้ความเห็นไม่บรรจุวาระการแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา256 โดยการตั้ง ส.ส.ร.มายกร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ ตามที่พรรคก้าวไกลในขณะนั้นยื่นร่างเข้ามา คณะกรรมการประสานงานฯอาจเรียกนายพริษฐ์ มาให้ข้อมูลเพื่อพิจารณาทบทวนความเห็น แม้คำวินิจฉัยที่เป็นความเห็นของตุลาการรัฐธรรมนูญรายบุคคล จะไม่มีผลทางกฎหมายเหมือนคำวินิจฉัยกลางศาลรัฐธรรมนูญ แต่อาจนำมาใช้พิจารณาประกอบแนวทางคำวินิจฉัยกลางศาลรัฐธรรมนูญว่า จะต้องทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ 2หรือ3ครั้ง ก็มีโอกาสที่คณะกรรมการประสานงานฯจะกลับมติก่อนหน้านี้ได้ ถ้าข้อมูลใหม่ช่วยให้คำวินิจฉัยกลางมีความกระจ่างมากขึ้น เพราะเรายึดคำวินิจฉัยกลางเป็นหลัก และใช้คำวินิจฉัยส่วนบุคคลมาประกอบ