108 ปัญหากับหมอรามาฯ : มือ เท้า ปาก โรคติดต่อของเด็กเล็ก

2018-04-24 14:00:59

108 ปัญหากับหมอรามาฯ : มือ เท้า ปาก โรคติดต่อของเด็กเล็ก

Advertisement

โรคมือ เท้า ปาก เป็นโรคที่พบบ่อยในเด็กเล็กโดยเฉพาะในที่ที่มีเด็กอยู่รวมกันมากๆ และเนื่องจากเด็กเล็กยังมีภูมิต้านทานที่ยังไม่สมบูรณ์ ทำให้เด็กเล็กเมื่อติดเชื้อก็มีโอกาสเกิดโรคที่มีความรุนแรงสูงขึ้น ยิ่งในช่วงเปิดเทอมแบบนี้ความเสี่ยงที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโรคก็จะมีมากขึ้น อย่างไรก็ตามทางด้านผู้ปกครองก็ควรจะระมัดระวังด้วยเช่นกัน เพราะว่าโรคนี้ไม่เป็นแต่เฉพาะเด็กเล็กเท่านั้น ในเด็กโตหรือแม้แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถเป็นได้เช่นกัน



โรคมือ เท้า ปาก เกิดจากเชื้อเอนเทอโรไวรัสซึ่งมีหลากหลายสายพันธุ์ เพราะฉะนั้นในแต่ละปีสายพันธุ์ที่ระบาดก็จะแตกต่างกันแต่เชื้อที่แรงที่สุดคือเชื้อ เอนเทอโรไวรัส 71 โดยสามารถติดต่อได้จากการสัมผัส เช่นน้ำลาย สารคัดหลั่ง รวมถึงอุจจาระ อาการของโรคนี้แรกเริ่มอาจไม่รุนแรงมาก โดยมีอาการดังนี้ มีไข้ เจ็บปาก ทานอะไรไม่ค่อยได้ น้ำลายไหล มีแผลในปากคล้ายร้อนใน มีผื่นเป็นจุดแดงๆ หรือตุ่มน้ำใสบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า ซึ่งอาจขึ้นตามลำตัว แขน และขาได้เช่นกัน อาการของโรคจะหนักในช่วง 2-3 วันแรก จากนั้นจะค่อยๆทุเลาลงและหายเองได้ในเวลา 1 สัปดาห์ แต่สิ่งที่น่ากลัวสำหรับโรคมือ เท้า ปาก คือเด็กบางคนอาจจะมีอาการที่รุนแรงมากขึ้น เช่นมีอาการสมองอักเสบ ซึ่งเด็กจะมีอาการซึมลง มีอาการชักหรือกระตุกที่มือและเท้า มีอาการของน้ำท่วมปอด นอกจากนี้ยังมีอาการติดเชื้อที่กล้ามเนื้อหัวใจทำให้มีอาการของหัวใจวาย โดยเด็กจะมีอาการหอบหรือหายใจเร็วมากขึ้น หากเด็กมีอาการเหล่านี้ควรรีบพาไปพบแพทย์ทันที




ปัจจัยที่ทำให้โรคนี้รุนแรงขึ้น คือ
1. เชื้อเอนเทอโรไวรัส 71 หรือ EV 71
2. ขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยที่มีมากหรือน้อย


3. ปริมาณเชื้อที่ได้รับ

ด้วยความที่โรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัสที่หลากหลายสายพันธุ์ และยังไม่มียารักษาหรือฆ่าเชื้อไวรัสโดยตรง รวมถึงยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ฉะนั้นการรักษาจะเป็นการรักษาตามอาการ เช่น หากเด็กเจ็บคอทานข้าวไม่ได้ แพทย์ก็จะให้ยาพ่นที่คอ เพื่อให้เด็กสามารถทานข้าวได้มากขึ้น ถ้ามีไข้สูงก็ให้ยาลดไข้ ถ้ามีภาวะแทรกซ้อนก็ต้องรับรักษาตัวในโรงพยาบาล



วิธีการป้องกันโรคมือ เท้า ปาก ที่ดีที่สุด คือ


1. แยกผู้ป่วยที่เป็นโรคเพื่อป้องกันการสัมผัสกับเด็กคนอื่น
2. เด็กและผู้ใหญ่ทุกคนควรหมั่นล้างมือเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ
3. หมั่นทำความสะอาดของเล่นหรือของใช้เด็กทุกชิ้น และผึ่งให้แห้ง
4. ระมัดระวังสุขอนามัยและสิ่งแวดล้อมของเด็ก ไม่ว่าจะเป็นน้ำดื่มหรืออาหาร
5. ฝึกนิสัยกินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ ให้กับเด็ก
6. ไม่ควรให้เด็กที่ป่วยโรคมือ เท้า ปาก ไปโรงเรียนจนกว่าจะหายเป็นปกติดี ซึ่งโดยปกติประมาณ 1 สัปดาห์
7. ควรระวังการปนเปื้อนของเชื้อในอุจจาระ หลังเปลี่ยนผ้าอ้อมเด็กควรล้างมือ ด้วยน้ำสบู่ และเช็ดมือให้แห้ง


8. ทำความสะอาดห้องน้ำและล้างมือ หลังทำธุระเสร็จเรียบร้อยด้วยสบู่
9. ช่วงที่มีการระบาดของโรคไม่ควรปล่อยให้บุตรหลานอยู่ในที่ที่มีเด็กรวมกันมากๆ เพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสจากเด็กคนอื่น

หากว่าเชื้อไวรัสตัวไหนเคยระบาดมาแล้วครั้งหนึ่ง เชื้อไวรัสสายพันธุ์นั้นก็จะไม่ระบาดไปอีกซักระยะ เพราะฉะนั้นการระบาดอาจจะเป็นในลักษณะปีเว้นปี หรือปีเว้นสองปี โรคมือ เท้า ปาก นั้นอาจจะเป็นโรคที่เกิดขึ้นกับเด็กแต่ผู้ใหญ่เองก็สามารถที่จะติดเชื้อนี้ได้เช่นกัน สิ่งที่เราเชื่อกันว่าผู้ใหญ่มีภูมิต้านทานที่มากและเพียงพอนั้นไม่ได้ถูกต้องเสมอไป หากวันใดภูมิคุ้มกันหมดไปหรือมีเชื้อสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น ก็สามารถจะเป็นโรคนี้ได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่าอาการจะไม่รุนแรงเท่ากับเด็กเล็กหรืออาจจะไม่มีอาการอะไรเลย จริงๆแล้วผู้ป่วยโรคนี้ส่วนใหญ่จะเป็นแบบไม่แสดงอาการส่วนคนที่แสดงอาการจะเป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น ยิ่งผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อนยิ่งพบน้อยลงไปอีก






อ. ดร. นพ.นพพร อภิวัฒนากุล
ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล