“ชบาแก้ว” กลับไทยสุดยิ่งใหญ่ หลังตีตั๋วไปบอลโลก 2019

2018-04-22 17:20:39

“ชบาแก้ว” กลับไทยสุดยิ่งใหญ่ หลังตีตั๋วไปบอลโลก 2019

Advertisement

ถึงไทยแล้ว! ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยชุดใหญ่ ที่สามารถคว้าอันดับ 4 จากการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย “เอเอฟซี วีเมนส์ เอเชี่ยนคัพ 2018” ที่กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน พร้อมกับคว้าตั๋วไปลุยฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2019 ที่ประเทศฝรั่งเศส ได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน



ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยชุดใหญ่ ที่สามารถคว้าอันดับ 4 จากการแข่งขันฟุตบอลหญิงชิงแชมป์เอเชีย “เอเอฟซี วีเมนส์ เอเชี่ยนคัพ 2018” ที่กรุงอัมมาน ประเทศจอร์แดน พร้อมกับคว้าตั๋วไปลุยฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก 2019 ที่ประเทศฝรั่งเศส ได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน

เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 22 เม.ย.ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ได้เดินทางถึงประเทศไทย ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ด้วยสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ เที่ยวบิน คิวอาร์980 เป็นที่เรียบร้อย นำทีมโดย “โค้ชหนึ่ง” หนึ่งฤทัย สระทองเวียน หัวหน้าผู้ฝึกสอน และทีมงานทั้งหมด โดยมี “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ พร้อมด้วย “มาดามแป้ง” นางนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้จัดการทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย และบรรดาครอบครัวของนักเตะทุกคนมารอให้การต้อนรับด้วยบรรยากาศที่อบอุ่น






พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ที่สามารถคว้าตั๋วไปฟุตบอลโลกหญิงรอบสุดท้ายที่ประเทศฝรั่งเศสในปีหน้าได้สำเร็จเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน นับจากนี้เหลือเวลาประมาณ 14 เดือน สมาคมฯ พร้อมที่จะให้การสนับสนุนทุกทางเพื่อจะทำให้ทีมฟุตบอลหญิงไทยพัฒนาและไปต่อกรกับทีมระดับโลกได้



“ครั้งที่ผ่านมาไทยได้อุ่นเครื่องกับออสเตรเลียแพ้ถึง 0-5 แต่พอรอบสุดท้ายกลับสู้ได้อย่างสูสีจนเกือบเอาชนะได้ ดังนั้นอะไรที่เป็นการพัฒนาทีม สมาคมจะสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะให้ทีมฟุตบอลหญิงมีผลงานที่ดีกว่าครั้งก่อน และผมเชื่อว่าทีมฟุตบอลหญิงจะสร้างปรากฎการณ์ใหม่ให้กับวงการฟุตบอลไทยอย่างแน่นอน”

“บิ๊กอ๊อด” กล่าวปิดท้ายว่า เรื่องเงินอัดฉีดจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯนั้น เดิมทีให้ไว้ที่ 8 ล้านบาท แต่จะเพิ่มให้อีก 2 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 10 ล้านบาท





“มาดามแป้ง” กล่าวว่า ก่อนเดินทางไปแข่งขันครั้งนี้มีความกดดันอย่างมากเพราะว่าต้องการเข้าไปฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลก รอบสุดท้ายให้ได้ ทั้ง 3 เกมในรอบแรกมีความกดดันทั้งหมด แต่สุดท้ายก็สามารถผ่านมาได้สำเร็จ หลายคนมองว่าการเจอกับจอร์แดน หรือฟิลิปปินส์นั้นอาจจะไม่ใช่คู่แข่งที่แกร่งมาก แต่ในรอบรองชนะเลิศก็แสดงให้เห็นว่าสามารถสู้กับทีมอันดับ 6 ของโลกอย่างออสเตรเลียได้อย่างสูสีจนเกือบชนะ จึงขอมอบความสำเร็จนี้ให้เป็นของขวัญสำหรับคนไทยทุกคน

“ส่วนการเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกได้นั้น ก็จะทำผลงานให้ได้ดีกว่าครั้งก่อน คงยังไม่กล้าประกาศว่าจะผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายให้ได้ แม้ว่ามันจะเป็นเป้าหมายที่อยู่ในใจของทุกคนก็ตาม เพราะต้องยอมรับว่าไทยนั้นอยู่อันดับที่ 30 ของโลก แต่รอบสุดท้ายมี 24 ทีม ดังนั้นจะต้องเจอกับทีมที่อันดับสูงกว่าทั้งนั้น แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพวกเราทุกคน ที่จะทำผลงานให้ดีที่สุดให้ได้”



สำหรับเรื่องของเงินอัดฉีด “มาดามแป้ง” กล่าวว่า เงินที่ได้รับมานั้น ประกอบด้วย ธนาคารกสิกรไทย 3 ล้านบาท, กลุ่มบริษัท กัลฟ์ 3 ล้านบาท, เมืองไทยประกันภัย 3 ล้านบาท, เมืองไทยประกันชีวิต 2 ล้านบาท, บริษัท ชิโน-ไทย โดยนายอนุทิน ชาญวีรกุล 2 ล้านบาท, ไทยแอร์เอเชีย 2 ล้านบาท, บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส ในกลุ่มบางกอกกล๊าส 2 ล้านบาท, ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม 2 ล้านบาท, กลุ่มเซ็นทรัล 1 ล้านบาท, ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ 1 ล้านบาท, น้ำแร่มองต์เฟลอร์ 1 ล้านบาท, คาราบาวแดง 1 ล้านบาท, กลุ่มบริษัท ดูเดย์ ครีม (สเนลไวท์) 1 ล้านบาท และเอไอเอส อีก 1 ล้านบาท รวม 25 ล้านบาท เมื่อรวมกับจากสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ อีก 10 ล้านบาท เท่ากับว่าทีมฟุตบอลหญิงไทยได้รับอัดฉีดรวมทั้งสิ้น 35 ล้านบาท



นอกจากนี้ยังมีบริษัท บิวตี้ เจมส์ จำกัด มอบจี้เพชร 25 ชิ้น ชิ้นละ 50,000 บาท ให้กับนักเตะทุกคน รวมมูลค่า 1,250,000 บาท และกลุ่มบริษัท คิงพาวเวอร์ โดยนายวิชัย ศรีวัฒนประภา ซึ่งได้เดินทางไปเชียร์ทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยถึงสนามนั้น เตรียมจะพาทีมฟุตบอลหญิงทีมชาติไทย ไปเที่ยวที่ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 3-7 พฤษภาคม พร้อมเยี่ยมชมสนามฝึกซ้อมของทีมเลสเตอร์ ซิตี้ และไปดูเกมในบ้านนัดสุดท้ายกับเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่คิงพาวเวอร์ สเตเดียม

ขอขอบคุณภาพ สายข่าวสมาคมฟุตบอล