นิวยอร์ก, 12 พ.ย. (ซินหัว) — รายงานจากศูนย์สถิติสุขภาพแห่งชาติ (NCHS) ของสหรัฐฯ เผยว่าผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ราวร้อยละ 41 ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงไม่ทราบว่าตนเองเป็นโรคนี้ และหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา ความดันโลหิตสูงอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมองได้
เดอะ วอชิงตัน โพสต์ (Washington Post) รายงานว่าความชุกของภาวะความดันโลหิตสูงเพิ่มขึ้นตามอายุ โดยพบความชุกร้อยละ 23 ในกลุ่มคนอายุ 18-39 ปี ซึ่งตัวเลขนี้เพิ่มเป็นร้อยละ 53 ในกลุ่มคนอายุ 40-59 ปี และร้อยละ 72 ในผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ขณะที่ผู้ใหญ่ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงกว่าครึ่งหนึ่งใช้ยาเพื่อลดความดันโลหิต
สำนักงานป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพของสหรัฐฯ กำหนดเป้าหมายประชาชนสุขภาพดี ปี 2030 ที่มุ่งลดสัดส่วนประชากรมีภาวะความดันโลหิตสูงให้เหลือที่ระดับร้อยละ 42 หรือต่ำกว่า ซึ่งตัวเลขผู้ใหญ่ในสหรัฐฯ ที่มีความดันโลหิตสูงเกือบครึ่งหนึ่งในปัจจุบันนั้นจึงยังไม่เข้าเกณฑ์เป้าหมายดังกล่าว
ข้อมูลของศูนย์ฯ อ้างอิงจากแบบสำรวจประชากรสหรัฐฯ ระยะสองปี ระหว่างเดือนสิงหาคม 2021 จนถึงเดือนสิงหาคม 2023 โดยตัวอย่างแบบสำรวจคัดเลือกจากการออกแบบที่ซับซ้อนและเก็บรวบรวมข้อมูลแบบเป็นขั้นตอน เช่น การสัมภาษณ์ที่บ้านของผู้ทำแบบสำรวจ การตรวจร่างกายที่ได้มาตรฐานในสถานที่ตรวจแบบเคลื่อนที่ ซึ่งวัดความดันโลหิตเฉลี่ยสูงสุด 3 ครั้ง