พท. จ่อเสนอ กมธ.ร่วมประชามติลดจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ ยันแก้ รธน.ไม่สำเร็จ ไม่ใช่ความรับผิดชอบ พท.
เมื่อวันที่ 3 พ.ย.67 นายประยุทธ์ ศิริพาณิชย์ ส.ส บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธาน กมธ.ร่วมเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ กล่าวถึงการประชุม กมธ.ในวันที่ 6 พ.ย.เพื่อพิจารณาแก้ไขหลักเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้นในการทำประชามติว่า การประชุม กมธ.วันที่ 6 พ.ย.จะหารือเรื่องหลักเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น การทำประชามติ ตนจะขอหารือลดหลักเกณฑ์จำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิที่กำหนดต้องมีไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียง ให้มีจำนวนลดลง การกำหนดจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิประชามติต้องไม่น้อยกว่า50% ถือว่ามากไป โดยเฉพาะถ้าเป็นการทำประชามติเรื่องที่ประชาชนไม่สนใจ อาจทำให้ประชามติเป็นโมฆะได้ ควรปรับลดลง แต่จะลดลงเท่าไร ให้มาหารือในที่ประชุม เช่น อาจปรับจำนวนผู้ออกมามาใช้สิทธิเหลือ 20-30% จะทำได้หรือไม่ เป็นการหาแนวทางประนีประนอม
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องสำคัญ ที่จะต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิจำนวนมาก ส.ว.จะยอมหรือไม่ ให้ลดเกณฑ์ผู้มาใช้สิทธิออกเสียงลงมา นายประยุทธ์ตอบว่า ต้องมาพูดคุยกันด้วยเหตุผล ยังไม่รู้สว.จะตอบรับหรือไม่ ยังไม่เคยคุยกันนอกรอบประเด็นนี้ เดาใจ ส.ว.ไม่ถูก แต่เชื่อว่าสุดท้ายแล้วน่าจะหาหลักเกณฑ์ตกลงรอมชอมกันได้ในชั้น กมธ.ถ้าตกลงไม่ได้ เรื่องจะบานปลาย ต่างฝ่ายต่างยืนยันในจุดยืนตัวเอง อาจจะต้องพักร่างกฎหมายฉบับนี้ 180วัน เพื่อยืนยันเนื้อหาตามร่างเดิมของ ส.ส.ที่ให้ใช้เสียงข้างมากชั้นเดียว เมื่อถามว่า หากต้องพักกฎหมาย 180วัน เพื่อยืนยันร่างเดิมของ ส.ส. จะทำให้การแก้รัฐธรรมนูญไม่ทันในรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ นายประยุทธ์ตอบว่า อย่าเพิ่งคิดล่วงหน้าไปไกล รอดูในชั้น กมธ.ก่อน คิดว่าการประชุมในวันที่ 6 พ.ย. น่าจะมีทิศทางชัดเจนขึ้น
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจะยอมถอย ใช้เสียงข้างมาก 2ชั้นหรือไม่ เพื่อให้การแก้รัฐธรรมนูญเสร็จทันในรัฐบาลชุดนี้ นายประยุทธ์ตอบว่า ต้องใช้เหตุผลคุยกัน ยังไม่ฟันธงจะยอมตามที่ ส.ว.เสนอมา ขอรอมชอมกันก่อน ส่วนแนวทางนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จะให้ทำประชามติ 2ครั้งนั้น เรามีเป้าหมายเช่นนี้ แต่จะใช้วิธีใดดำเนินการยังไม่รู้ ต้องคุยกันให้รอบคอบ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ต่อข้อถามว่า เกรงหรือไม่ ถ้าแก้รัฐธรรมนูญไม่สำเร็จ จะมีการโยนความผิดให้พรรคเพื่อไทย นายประยุทธ์ตอบว่า ไม่ใช่ความรับผิดชอบพรรคเพื่อไทยโดยตรง แต่ก็คงไปห้ามความคิดใครไม่ได้