นายกฯประกาศทำให้ยาเสพติดน้อยลง ปราบปรามอย่างเข้มข้น เด็ดขาด วอนสังคมร่วมเป็นกำลังใจให้กันและกัน ตั้งเป้า 10 จังหวัดนำร่องต้องลดลงให้ได้ถึง 90% ก่อนเทศกาลสงกรานต์
เมื่อวันที่ 1 พ.ย.67 ที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหายาเสพติด (อบต.น้ำใส) ต.น้ำใส อ.จตุรพักตรพิมาน จ.ร้อยเอ็ด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมการฝึกอาชีพและแนวทางการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้เข้ารับการบำบัด และพบปะพี่น้องประชาชนชาวร้อยเอ็ด โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมบูธขายสินค้าผู้ผ่านการบำบัดยาเสพติด โดยได้สอบถามพร้อมอุดหนุนสินค้า และให้กำลังผู้ผ่านการบำบัดยาเสพติด ซึ่งผู้ผ่านการบำบัดยาเสพติดได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีและผู้ที่เกี่ยวข้องที่ได้ทุ่มเทแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างจริงจัง ทำให้มีอาชีพ สร้างรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัว กลับไปใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างเข้มแข็งด้วย
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการลงพื้นที่ว่า วันนี้นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีตั้งใจมาให้กำลังใจทุกคน ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาระดับชาติ รัฐบาลได้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติ ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยประชาชนในเรื่องนี้เป็นพิเศษ ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่ไม่สามารถบำบัดรักษาได้เพียงคนเดียวหรือกลุ่มเล็ก ๆ เพียงกลุ่มเดียว แต่ทุกคนต้องช่วยกันเริ่มตั้งแต่สถาบันครอบครัว สถาบันที่ทำงาน จังหวัด รวมถึงระดับประเทศ ในบางครั้งเมื่อมีหัวใจที่อ่อนแอ อาจหลงผิดไปพึ่งสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เช่น ยาเสพติด แต่การจะช่วยพวกเขากลับมาได้นั้นต้องอาศัยกำลังใจอย่างมหาศาล ทั้งนี้ ต้องขอบคุณทุกคนที่มีส่วนในการช่วยให้ผู้บำบัดกลับสู่สังคมได้เร็วขึ้น
นายกรัฐมนตรีว่า การเดินทางมา จ.ร้อยเอ็ดในครั้งนี้เพื่อมาติดตามการดำเนินงาน ประสบปัญหาหรือต้องการอะไรเพิ่มเติม รัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุน ช่วยเหลือ รวมทั้งจะดำเนินนโยบายเกี่ยวกับ ยาเสพติดอย่างเต็มที่ นอกจากนั้น รัฐบาลยืนยันว่าจะทำให้ประเทศไทยมียาเสพติดน้อยลงและปราบปรามยาเสพติดอย่างเข้มข้นและเด็ดขาด ขอให้ทุกคนช่วยเป็นกำลังใจให้กันและกัน
สำหรับการดำเนินงานศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหายาเสพติด ต.น้ำใส อ.จตุรพักตรพิมาน บำบัดรักษาโดยชุมชนเป็นศูนย์กลาง CBTx สำหรับกลุ่มผู้เสพ ชุดปฏิบัติการประจำตำบลนำเข้าสู่กระบวนการบำบัดผ่านกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างการรับรู้ ส่งเสริมสุขภาพ และตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดทุกครั้ง จนครบ 9 ครั้ง ดำเนินการต่อเนื่องตามระยะห่าง 4 วัน/ครั้ง มีกลุ่มเป้าหมายเข้ารับการบำบัดรักษา CBTx 620 คน ผลปัสสาวะเป็นลบ 481 คน ผลปัสสาวะเป็นบวก 139 คน (ส่งเข้ารับการรักษาต่อมินิธัญญารักษ์ โรงพยาบาลจตุรพักตรพิมาน) ภายหลังทำการบำบัดรักษา ผู้บำบัดมีงานทำ จากการขยายโอกาสทางการศึกษา เพิ่มพูน ฝึกฝนทักษะ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุน เกิดการเรียนรู้ ตลอดชีวิต โดยมีหน่วยงานสนับสนุน เช่น ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอจตุรพักตรพิมาน สถาบันพัฒนาฝีมือแรงงาน เป็นต้น ทำให้ผู้ผ่านการบำบัดมีอาชีพ สร้างรายได้เลี้ยงตัวเองและครอบครัวห่างไกลจากยาเสพติด
ก่อนหน้านี้ที่ วัดบ้านเขวาทุ่ง ต.เขวาทุ่ง อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสั่งการโมเดลการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด 1 ใน 25 จังหวัดที่กำหนดเป็นพื้นที่นำร่องจังหวัดสีขาวทั่วประเทศ
นายกรัฐมนตรีกล่าวมอบนโยบายตอนหนึ่งว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหายาเสพติดถือเป็นวาระแห่งชาติ และเป็นนโยบายสำคัญที่ได้แถลงต่อรัฐสภา ทำให้สามารถจับกุม กวาดล้างยาเสพติดได้เป็นจำนวนมาก จากรายงานถือเป็นผลงานที่น่าพอใจในระดับหนึ่ง ที่มีสถิติที่เพิ่มขึ้น ทั้งการจับกุมกวาดล้าง ผู้ค้ารายใหญ่ รายกลาง และรายย่อย จึงขอให้ทุกภาคส่วนมุ่งมั่นดำเนินนโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติดต่อไป พร้อมยกระดับให้เข้มข้นขึ้น โดยให้ขยายผลการดำเนินงานไปยังพื้นที่ต่าง ๆ ตามภูมิภาค โดยมีจังหวัดนำร่อง 10 จังหวัด ได้แก่ ภาคเหนือ เชียงใหม่ ภาคกลาง อุทัยธานี ปทุมธานี ประจวบคีรีขันธ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สกลนคร นครพนม ภาคตะวันออก : ระยอง ภาคใต้ นครศรีธรรมราช ตรัง นราธิวาส
"หนึ่งในกลไกสำคัญที่จะช่วยตัดวงจรยาเสพติดได้อย่างยั่งยืนคือ กระบวนการบำบัดรักษาไม่ให้กลับไปใช้ยาเสพติดซ้ำ ผ่านการฝึกอาชีพ การพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้เข้ารับการบำบัด ขอให้ทุกภาคส่วนขยายผลการดำเนินงานในเรื่องศูนย์ฝึกอาชีพให้เพียงพอ ขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า รัฐบาลเอาจริงกับเรื่องนี้ ปัญหายาเสพติดต้องหมดไป ซึ่งหากทุกฝ่ายร่วมมือกัน เชื่อว่าจะประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างแน่นอนค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จังหวัดนำร่อง 10 จังหวัดเหล่านี้ จะต้องประกาศได้ว่าเป็นจังหวัดปลอดยาเสพติด หรือปัญหายาเสพติดลดลงให้ได้มากถึง 90 % โดยมีห้วงเวลาเป้าหมาย ก่อนเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ ซึ่งทุกภาคส่วน ต้องช่วยกันสร้างสังคม ชุมชน หมู่บ้าน ตำบล อำเภอและจังหวัดสีขาว เพื่อประเทศไทยสีขาว ปลอดยาเสพติดอย่างยั่งยืนต่อไป" นายกรัฐมนตรี กล่าว