ยื่นศาลปกครองสอบ “อาคม”ปมรถเมล์เอ็นจีวี

2018-04-20 12:50:29

ยื่นศาลปกครองสอบ “อาคม”ปมรถเมล์เอ็นจีวี

Advertisement

บริษัทสยามสแตนดาร์ด ร้องศาลปกครองตรวจสอบ รมว.คมนาคม จงใจให้ ขสมก.ละเมิดคำสั่งศาลกรณีจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน




เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายดรัณ ภูรีสถิต ผู้รับมอบอำนาจจาก บริษัท สยามสแตนดาร์ด เอนเนอจี้ จำกัด บริษัทผู้เข้าร่วมประมูลโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน เมื่อวันที่ 4 ต.ค.2560 พร้อมทนายความ เดินทางไปยื่นหนังสือต่อศาลปกครองเมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา ขอให้มีคำสั่งไต่สวน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม นายประยูร ช่วยแก้ว รักษาการ ผอ.องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) นายสมควร นาสนม ประธานกรรมการตรวจรับรถเมล์เอ็นจีวี จำนวน 489 คัน วงเงิน 4,261 ล้านบาทเศษ จากกลุ่มทำงาน SCN-CHO โดยบริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) และบริษัท สแกนอินเตอร์ จำกัด (มหาชน) โดยระบุว่า อาจมีเจตนาจงใจละเมิดคำสั่งศาลปกครองกลาง เมื่อ 10 เม.ย. 2561 ที่ให้ระงับการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี จำนวน 489 คัน รวมถึงห้ามซ่อมแซมรถ และงดดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวกับรถเมล์เอ็นจีวีทั้งหมดแม้กระทั่งวิ่งอยู่บนถนนจำนวน 100 คัน แต่หลังจากมีคำสั่งศาลปกครองแล้ว รมว.คมนาคม ให้สัมภาษณ์ลักษณะจงใจเปิดช่องให้ ขสมก.ละเมิดคำสั่งศาลปกครอง โดยยังคงให้ทำการรับมอบรถเมล์ที่เหลืออีก 389 คันต่อไป จึงได้พาทีมทนายมาร้องขอให้ศาลปกครองกลางไต่สวน รมว.คมนาคมและพวกทันที





ด้านนายสันต์ โชคพงษ์อุดมชัย ทนายความ กล่าวว่า จากเมื่อวันที่ 10 เม.ย.2561 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ ขสมก.ระงับการจัดซื้อจัดจ้างรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน แต่ต่อมา รมว.คมนาคม เจตนาจงใจเปิดช่องให้ ขสมก.ละเมิดคำสั่งศาลปกครองกลาง โดยให้ ขสมก.เดินหน้ารับมอบรถเมล์เอ็นจีวีที่เหลืออีก 389 คัน พร้อมกับที่ไม่ยอมระงับการวิ่งรถเมล์เอ็นจีวี 100 คันที่อยู่บนถนน รวมถึงการซ่อมแซมรถด้วย ที่สำคัญมีการสืบทราบว่ามีการลักลอบแอบไปจดทะเบียนรถเมล์เอ็นจีวีหลังจากที่ศาลปกครอง มีคำพิพากษา เรียกได้ว่าเป็นปรากฎการณ์ของการเจตนาจงใจละเมิดคำสั่งศาลปกครองกลาง ซึ่งต้องดำเนินการเด็ดขาดตามมาตรา 75/4 ว่าด้วยรายละเอียดคือ “ถ้าปรากฏว่าหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ปฏิบัติตามคำบังคับของศาลปกครอง ให้ถูกต้องครบถ้วน หรือล่าช้าเกินสมควร ซึ่งรวมถึงกรณีไม่ปฏิบัติตามคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการใด เพื่อบรรเทาทุกคู่กรณีที่เป็นมาตรการชั่วคราวด้วย ศาลปกครองมีอำนาจไต่สวนแสวงหาข้อเท็จจริง สามารถปรับและลงโทษตามวินัยแก่เจ้าหน้ารัฐคนดังกล่าวได้


“ในฐานะประชาชนมองเห็นถึงความไม่ชอบมาพากลของเจ้าหน้าที่รัฐระดับรัฐมนตรี และพวกพ้อง จึงจำเป็นต้องเดินหน้าเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ จึงมาร้องต่อศาลปกครองให้ทำการไต่สวนรัฐมนตรีที่ละเมิดคำพิพากษาของศาลปกครองกลางดังกล่าว เพื่อหาข้อเท็จจริงมาบอกกล่าวกับประชาชนที่รอฟังคำตอบอยู่ว่ารัฐมนตรีมีอำนาจเหนือกว่าคำพิพากษาของศาลปกครองหรืออย่างไร” นายสันต์ กล่าว