นายกฯยันแก้ รธน.เว้นหมวด 1 หมวด 2 ไม่แตะ ม.112 ไม่กังวลร้อง "ทักษิณ" ครอบงำ พท.
เมื่อวันที่ 21 ต.ค.67 ที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังงานเลี้ยงดินเนอร์พรรคร่วมรัฐบาลว่า บรรยากาศการพูดคุยวันนี้เป็นการพูดคุยแบบสบายๆ และได้คุยกันว่า การดินเนอร์ของพรรคร่วมรัฐบาลไม่ห่างเกินไป ซึ่งครั้งหน้าทางหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยจะเป็นเจ้าภาพ วันนี้คุยกันหลายเรื่องที่จะทำร่วมกันของพรรคร่วม และย้ำว่า ตนอยากคุยกับทุกคน ในเรื่องการทำงานอย่างใกล้ชิด ซึ่งหลังประชุมเอเปค ตนจะมีเชิญเข้ามาคุยในแต่ละกระทรวง เพื่ออยากทราบถึงปัญหาและแนวทางที่ทำร่วมกันต่อ ซึ่งเป็นลักษณะนัดแยกมาคุยเป็นกระทรวงและหัวหน้าพรรคแต่ละพรรค เพื่อจะได้ทราบว่า ใครอยากทำอะไรบ้าง
สำหรับเรื่องนิรโทษกรรมนั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ทุกเรื่องมีทั้งเรื่องเห็นตรงกันและเห็นไม่ตรงกัน แต่ทุกเรื่องก็สามารถตกลง พูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้ ก็ขอให้เป็นเรื่องในสภา เราก็จะทำงานทางนี้กันต่อไป
ต่อข้อถามว่าในวงดินเนอร์เรื่องนิรโทษกรรมีความเห็นอย่างไร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เรื่องนิรโทษเป็นเรื่องเซนซิทีฟ มีเรื่องเห็นตรงกันและไม่ตรงกัน จึงไม่ขอชี้แจงรายละเอียดมากกว่านี้แต่ไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน
เมื่อถามว่า ถ้ามีการเสนอไปที่สภาจะเป็นของพรรคร่วมหรือเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละพรรคหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ก็ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน แต่วันนี้มีการคุยกันถ้าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเว้นหมวด 1 หมวด 2 ซึ่งเป็นสิ่งที่พูดกันมาตลอด และเป็นการตกลงทำให้เราสามารถร่วมรัฐบาลกันได้ เป็นเรื่องที่เราเห็นพ้องต้องกัน ส่วนจุดยืนในเรื่องมาตรา 112 นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า เราไม่แตะ 112 ซึ่งมีการพูดทุกเวที
ทั้งนี้ พรรคร่วมรัฐบาลเห็นพ้องเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่มีข้อสรุปว่าอย่างไรบ้าง ซึ่งในรายละเอียดขอเป็นเรื่องขอสภา เราคุยในกรอบทำอะไรบ้าง คุยในดีเทลแบบนั้น
ส่วนกรณี มีการร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ให้ยุบพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ที่ถูกกล่าวหาว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีครอบงำ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไม่ตรงกับข้อกล่าวหาใดๆ จึงไม่มีใครกังวลในเรื่องนี้ แต่ถ้าเรื่องกฏหมายก็พร้อมให้ความร่วมมืออยู่แล้ว ไม่มีอะไรต้องห่วง
ทั้งนี้าก กกต.เชิญไปชี้แจงจะพร้อมหรือไม่และจะแก้ข้อกล่าวหายอย่างไร ในเรื่องที่นายทักษิณ ครอบงำ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกอย่างไม่ได้เข้าข้อกล่าวหาอยู่แล้ว แต่ถ้ากฏหมายหรืออะไรที่จะต้องให้ความร่วมมือก็พร้อมให้ความร่วมมือ เพราะฉะนั้นไม่มีอะไรต้องห่วง
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะต้องตีห่างนายทักษิณหรือไม่ เพื่อป้องกันข้อครหานี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ถ้าสมมติเราไปทานข้าวร่วมกันเป็นการครอบงำเลยหรือไม่ เช่น หากตนไปทานข้าวอดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน จะเป็นการครอบงำหรือไม่ ซึ่งไม่แน่ใจว่า ความสัมพันธ์ที่ดีมันก็คือ ความสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งไม่ใช่การครอบงำ เชื่อว่า หลายๆคนในที่นี้ รักเคารพนายทักษิณ โดยที่ว่า บางทีอาจจะไม่ใช่การคุยการเมืองเลยด้วยซ้ำ และอาจจะเป็นการคุยการเมืองเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง สมัยนั้นใครเป็นรัฐมนตรีสมัยแรกอะไรอย่างนี้ มันเป็นของคนที่ความสัมพันธ์ที่ดีกัน
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่า นายกรัฐมนตรีมั่นใจในทีมกฏหมาย และข้อกล่าวหาครอบงำ จะไม่ทำให้ต้องสะดุดลงเหมือนนายเศรษฐา นายกรัฐมนตรี ได้ย้อนถามกลับ “นายกฯเศรษฐาโดนเรื่องครอบงำหรือคะ” และกล่าวต่อว่า ทุกๆคนมีความคิดของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นพรรคอื่นๆก็ตาม ถ้าโดนเรื่องใดๆ ทุกพรรคมีกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ที่ต้องได้รับคำปรึกษามาก่อน ถ้าไม่มีความเห็นด้วยก็ครอบงำไม่ได้อยู่ดี มันไม่มีใครครอบงำได้ ในพรรคต้องคุยกันเอง ตกลงกันเองในทุกๆเรื่อง เพราะฉะนั้นถ้าจะพูดว่า การติดต่อกับนายทักษิณ ซึ่งวันนี้กลับมาอยู่เมืองไทยแล้ว การครอบงำก็ต้องครอบงำมาทุกอย่างแล้ว ถ้าคุยกับนายทักษิณเป็นการครอบงำ เท่ากับอันนั้นมันก็ไม่ได้แล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการรับประทานอาหารได้มีขอความร่วมมือกับพรรคร่วมรัฐบาลในหลายเรื่อง โดยเฉพาะเรื่องของการทำงาน เนื่องจากตนเป็นนายกรัฐมนตรีได้ไม่นาน จึงอยากให้มีการพูดคุยกัน เพราะการสื่อสารเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะสื่อสารกันเองในคณะรัฐมนตรี ในพรรคร่วม หรือสื่อสารกับประชาชน เพราะฉะนั้นขอความร่วมมือตรงนี้ และขอให้การสื่อสารลดกำแพงลง ให้มีความง่ายมากขึ้น ซึ่งได้มีการขอความร่วมมือเรื่องนี้เป็นหลัก นอกนั้นเป็นเรื่องคลายเครียด เรื่องตลกกัน ถือว่าเป็นบรรยากาศที่ดีมากๆ
เมื่อถามว่า ส่วนใหญ่ การคุยแบบนี้จะคุยแต่ในเรื่องดีๆ มีเรื่องลบๆ บ้างหรือไม่ในลักษณะการติเพื่อก่อ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จริงๆแล้วปัญหาเรื่องยากๆคุยตั้งแต่เริ่มต้นเลยทันทีที่สื่อมวลชนออกจากห้องก็ได้คุยกัน ก็เป็นเวทีนี้ ที่สามารถคุยเรื่องเซนซิทีฟได้ เพราะเป็นห้องปิดจึงสามารถคุยได้ว่า เป็นอย่างไร คุยกันแน่นอนว่า ทุกเรื่องที่จะต้องคุยก็คุย และเรื่องไหนที่ต้องคุยกันเป็นกลุ่มเล็กหรือเป็นคู่ก็ได้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วง เรื่องนี้คุยกันอยู่แล้ว