"พิเชษฐ์"ชิงปิดประชุมสภาฯเลื่อนโหวตรายงาน กมธ.นิรโทษกรรม
เมื่อวันที่ 17 ต.ค.67 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร พิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่ง กมธ. ที่มีนายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน กมธ. พิจารณาเสร็จแล้ว ภายหลังจากนายชูศักดิ์ เสนอรายงานเสร็จแล้ว ก็เปิดให้สมาชิกอภิปราย
โดย ส.ส. พรรคประชาชน(ปชน.) กล่าวสนับสนุนให้นิรโทษกรรม รวมถึง คดีมาตรา 112 ด้วย อาทิ นายวีรนันท์ ฮวดศรี ส.ส. ขอนแก่น พรรคประชาชน อภิปรายว่า ในประเด็นของมาตรา 112 ที่ กมธ.วางแนวทางให้เป็นคดีอ่อนไหวทางการเมือง เชื่อว่าจะเป็นตีกรอบการนิรโทษกรรมที่คับแคบเกินไป ทั้งที่ควรเปิดกว้าง เบื้องต้นคาดว่าจะมีผลคือกีดกันคดีดังกล่าวออกจากการนิรโทษกรรม อย่างไรก็ดีหากต้องการก้าวข้ามความขัดแย้งและสร้างความสามัคคีต้องมัดรวมการนิรโทษกรรมคดี มาตรา 112 ด้วย
ขณะที่ฝ่ายรัฐบาล ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมมาตรา110 และมาตรา112 โดยนายนพดล ปัทมะ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเห็นเกี่ยวกับมาตรา110 และมาตรา112 เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นเรื่องเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ ฉะนั้นเราจึงยังมีเวลาหาฉันทามติกรณีดังกล่าว และส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษ มาตรา 110 และ มาตรา112
ด้านนายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส. บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่ารายงานฉบับนี้ไม่ได้แยกแยะว่าอะไรนิรโทษกรรมได้หรือไม่ได้ คนภูมิใจไทยทุกคนประกาศชัดเจนว่ายอมยกโทษให้ทุกกรณี ยกเว้นกรณีการยกเลิกมาตรา112 เรายอมรับไม่ได้ หากมีการผ่านรายงานฉบับนี้ไปยัง ครม.จะมีการตรากฎหมายออกมา โดยอ้างว่าเป็นมติของสภาฯที่ผ่านการเห็นชอบของรายงานฉบับนี้แล้ว จะออกเป็นร่างพ.ร.บ. เพื่อนิรโทษกรรมในการกระทำที่ล่วงละเมิดสถาบันพระกษัตริย์ โดยเฉพาะ มาตรา 110 และมาตรา112 ยืนยันว่าคนของภูมิใจไทยจะไม่เป็นมิตรและไม่ยินยอมในการกระทำครั้งนี้ เราจะจงรักภักดีต่อและปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ถึงที่สุด
ด้านนายนิกร จำนง เลขานุการ กมธ. ชี้แจงว่า สำหรับมาตรา 110 และมาตรา 112 ไม่ได้เป็นคดีหลักและคดีรอง แต่เป็นคดีที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง โดยในรายงานก็ยืนยันไว้เช่นกัน นอกจากนี้ กมธ.ไม่ได้มีข้อสรุปว่าจะนิรโทษกรรมหรือไม่นิรโทษกรรมสำหรับผู้กระทำความผิดตามมาตรา 110 และมาตรา 112 เพียงแค่ศึกษาว่ามีข้อดี ข้อเสียอย่างไร เนื่องจากยังมีความเห็นต่างอย่างมีนัยยะสำคัญเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมหรือไม่นิรโทษกรรมผู้กระทำความผิดตามมาตรา 110 และมาตรา 112 กมธ.ฯ จึงไม่พึงประสงค์ที่จะมีการลงมติว่ากมธ.ฯ ส่วนใหญ่มีความเห็นอย่างไร เพราะจะถือว่าไม่สามารถสะท้อนความคิดเห็นและความเชื่อของ กมธ.ได้ แต่ได้เปิดโอกาสให้กมธ.ฯแต่ละคนแสดงความคิดเห็นไว้
นายนิกร กล่าวต่อว่า ดังนั้นแนวทางที่เสนอมาจึงแบ่งเป็น 3 แนวทาง คือ แนวทางที่ 1 เห็นด้วยว่าควรรวมการนิรโทษกรรมความผิดตามมาตรา 110 และมาตรา 112 แนวทางที่ 2 ไม่เห็นด้วยว่าควรรวมการนิรโทษกรรมความผิดตามมาตรา 110 และมาตรา 112 และแนวทางที่ 3 เห็นด้วยว่าควรรวมการนิรโทษกรรมความผิดตามมาตรา 110 และมาตรา 112 แต่ให้มีเงื่อนไข ซึ่งส่วนตัวตนก็ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการนิรโทษกรรมความผิดตามมาตรา 110 และมาตรา 112 นอกจากนี้ ยังมีความเห็นที่ระบุว่าขัดกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่วินิจฉัยว่าประมวลกฎหมายออาญามาตรา 112 เป็นบทบัญญัติในความผิด ซึ่งคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือว่ามีความผูกพันทุกองค์กร และมีบางฝ่ายมองว่าอาจจะเกิดความขัดแย้ง
"ผมเชื่อว่าหากมีการเสนอร่างกฎหมายเข้ามาแล้วรวมความผิดมาตรา 112 ด้วยนั้น จะไม่ผ่านและถูกร้องว่าขัดรัฐธรรมนูญ ในฐานะกมธ.จากพรรคชาติไทยพัฒนา เรามีความเห็นเป็นมติว่าไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมมาตรา 112 เช่นเดียวกับหลายพรรคที่ได้ให้ความเห็นไว้ใน กมธ. ย้ำว่าในข้อสังเกตก็ระบุไว้ชัดว่ามาตรา 110 และมาตรา 112 เป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหว และรายงานนี้เป็นเพียงแค่การสรุปความเห็นของสมาชิกเท่านั้น" นายนิกร กล่าว
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคปชน.ในฐานะกมธ.ชี้แจง ว่า กมธ.ชุดนี้ไม่ใช่พิจารณาแก้ไข หรือ ยกเลิก มาตรา 112 เพียงศึกษาแนวทางนิรโทษกรรม และมันจะเป็นสารตั้งต้น เป็นหัวเชื้อ หรือไม่ มันขึ้นอยู่กับรัฐบาล มีบางท่านหยิบยกกรณีนิรโทษกรรมสุดซอย ซึ่งสมัยนั้น ตนยังไม่ได้เป็นสส.แต่ก็ไม่เห็นด้วยกับฉบับสุดซอย เพราะไปรวมบรรดาเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับการสั่งฆ่าประชาชนด้วย อยากให้สมาชิกผ่านรายงานฉบับนี้ เพื่อเป็นสารตั้งต้นของการหาทางออกบ้านเมือง นอกจากนี้ถ้าท่านบอกว่า ต้องการแสดงถึงเจตจำนงการปกป้องสถาบัน พูดกันไปถึงขนาดว่า เป็นเลือดสีน้ำเงินต่างๆ ทำไมเราไม่เปิดประตูบานนี้ เพื่อหาทางออกทางการเมือง ท่านอาจไม่เห็นด้วย กับการแก้ไขมาตรา 112 ไม่เป็นไร แต่เราไม่ควรนำคนเห็นต่างทางการเมือง ไปคุมขัง จำคุก และอย่างน้อยมันคือการคลี่คลาย มันคือการเปิดฝาหม้อให้น้ำที่เดือดรอวันระเบิด ได้ปล่อยลมออกมา อยากให้ช่วยกันผ่านรายงาน แม้ว่าจะไม่มีข้อสรุปเรื่องนิรโทษกรรม มาตรา112
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ ส.ส.อภิปรายแสดงความคิดเห็นครบทุกพรรคแล้ว นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่1 ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุม กล่าวสรุปว่าเนื่องจากรายงานของ กมธ.มีความเห็นแตกต่างกันจำนวนมาก และ กมธ.ได้ชี้แจงแล้ว ทำให้เข้าใจกันทุกฝ่ายแล้ว
จากนั้นนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ทักท้วงว่าเราอยู่ในระบบรัฐสภา เมื่อเรื่องใดเห็นไม่เหมือนกันก็ต้องลงมติ ซึ่งฝ่ายค้านพร้อมลงมติรายงานฉบับนี้ และดูจากจำนวนคนแล้วครบองค์ประชุมแน่นอน อย่างไรก็ตาม เราควรจะให้โอกาส กมธ.ชี้แจง จึงขอให้ประธานดำเนินการตามระเบียบวาระ
ขณะที่ซีกรัฐบาลทั้งพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย แสดงความพร้อมที่จะลงมติ แต่ยังปรากฏว่าทาง กมธ.จะขอชี้แจงต่อ ซึ่งประธานที่ประชุมพยายามไกล่เกลี่ยขอไม่ให้กมธ.ชี้แจง เพราะยังมี กมธ.อีกหลายคน ไม่ใช่นั้นจะไม่จบ อย่างไรก็ตาม กมธ.ยังไม่ทันจะได้แสดงท่าที นายพิเชษฐ์ก็ได้สั่งปิดการประชุมทันที ในเวลา 16.58 น. แม้จะมีสมาชิกตะโกนทักท้วง แต่นายพิเชษฐ์ไม่สนใจ ทำให้ญัตติด่วนด้วยวาจาขอให้สภาฯศึกษาปัญหาและการแก้ไขกฎหมายเพื่อป้องกันธุรกิจอันเข้าลักษณะการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน หรือแชร์ลูกโซ่ ที่ต่อคิวอยู่ ต้องเลื่อนออกไปพิจารณาในสัปดาห์หน้าด้วย