“ดร.สามารถ” แนะตั้ง กก.สอบปมซื้อรถเมล์เอ็นจีวีแพง

2018-04-18 11:25:30

“ดร.สามารถ” แนะตั้ง กก.สอบปมซื้อรถเมล์เอ็นจีวีแพง

Advertisement

“ดร.สามารถ”โพสต์เบื้องลึกประมูลรถเมล์เอ็นจีวีที่คนไทยต้องรู้ แนะ รมว.คมนาคมตั้งคณะกรรมการสอบสวนหา “ไอ้โม่ง” ทำให้ ขสมก.ต้องการซื้อรถเมล์เอ็นจีวีที่มีราคาแพงกว่า



เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองผู้ว่าฯ กทม. โพสต์เฟซบุ๊ก “เบื้องลึกประมูลรถเมล์เอ็นจีวีที่คนไทยต้องรู้” ว่า อะไรทำให้การประมูลจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีต้องล่าช้ามาจนถึงบัดนี้เป็นเวลาถึง 13 ปี ทำไมจึงมีความพยายามเขี่ยบริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ให้ตกไป ทั้งๆที่เสนอราคาต่ำกว่าราคากลางถึง 632 ล้านบาท และเบสท์รินเสนอราคาต่ำกว่า ช.ทวีร่วมกับสแกนอินเตอร์ถึง 870 ล้านบาท อะไรทำให้ ขสมก.ต้องการซื้อรถเมล์เอ็นจีวีที่มีราคาแพงกว่า น่าสนใจมากว่าใครเป็นคนที่แฝงตัวทำงานนี้ แต่จะเป็นใครก็ตามหาได้ไม่ยากถ้า รมว.คมนาคมอยากจะหา ยังไม่สายที่จะตั้งกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริงให้เป็นที่ประจักษ์ในประเด็นที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กันหนาหู



ดร.สามารถ ระบุอีกว่า 1. ทำไมจึงมีการเชิญชวนให้บริษัทเข้าร่วมประมูลโดยกำหนดให้ยื่นเอกสารภายในระยะเวลาสั้นๆ หากบริษัทใดไม่รู้ข้อมูลล่วงหน้ามาก่อนก็ไม่สามารถเตรียมเอกสารได้ทัน กล่าวคือ ขสมก.ได้มีหนังสือเชิญชวนบริษัทรอบแรก 7 บริษัท เมื่อวันที่ 21 พ.ย.2560 โดยกำหนดให้ยื่นเอกสารในวันที่ 7 ธ.ค. 2560 ทำให้มีเวลาเตรียมเอกสารจำนวนมากทั้งเอกสารด้านคุณสมบัติของบริษัท เอกสารด้านเทคนิคและด้านราคาเพียง 10 วันทำการเท่านั้น อนึ่ง ในการเชิญรอบแรกนั้นปรากฏว่ามี ช.ทวีรวมอยู่ด้วย 2.เหตุใด ขสมก.จึงเชิญชวนบริษัทเพิ่มเติมรอบที่ 2 อีกจำนวน 4 บริษัท เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2560 โดยกำหนดให้ยื่นเอกสารในวันที่ 7 ธ.ค. 2560 เหมือนเดิม ทำให้มีเวลาเตรียมเอกสารจำนวนมากเพียง 3 วันทำการเท่านั้น ซึ่งไม่สามารถเตรียมเอกสารจำนวนมากได้ทันแน่ อนึ่ง ในการเชิญรอบที่ 2 นั้นปรากฏว่ามีสแกนอินเตอร์รวมอยู่ด้วย เมื่อดูระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 พบว่าระเบียบนี้ได้กำหนดให้หน่วยงานเจ้าของโครงการมีหนังสือเชิญชวนบริษัทไม่น้อยกว่า 3 รายเท่านั้น ดังนั้น จึงเป็นที่น่าสังเกตว่าเหตุใด ขสมก.จึงต้องมีหนังสือเชิญชวนบริษัทเพิ่มเติมรอบที่ 2 อีก 4 ราย ทั้งๆ ที่การเชิญชวนรอบแรกมีจำนวนบริษัท 7 ราย ถูกต้องตามระเบียบดังกล่าวแล้ว





3.อะไรทำให้ ช.ทวีซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับเชิญในรอบแรกและเป็นบริษัทที่มีประสบการณ์ในการให้บริการรถโดยสารต้องยอมจับมือกับสแกนอินเตอร์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ได้รับเชิญในรอบที่ 2 ตั้งเป็นกลุ่มร่วมทำงานยื่นข้อเสนอให้ ขสมก.คัดเลือก ที่น่าแปลกมากก็คือมี 2 บริษัทนี้เท่านั้นที่เสนอตัวเข้าร่วมประมูลจากจำนวนบริษัทที่ได้รับเชิญทั้งหมด 11 บริษัท แต่บริษัททั้งสองนี้ไม่ได้แข่งขันกันเพราะได้จับมือกันตั้งเป็นกลุ่มร่วมทำงาน เสมือนเป็นบริษัทเดียว หาก 2 บริษัทนี้ไม่จับมือกันตั้งเป็นกลุ่มร่วมทำงาน แต่แข่งขันกันก็เป็นที่รู้กันโดยทั่วไปว่า ช.ทวีจะเป็นผู้ชนะ เพราะมีความพร้อมและประสบการณ์มากกว่า และที่สำคัญ เคยร่วมประมูลโครงการนี้มาก่อนแล้ว ด้วยเหตุนี้ จึงน่าสนใจมากว่าทำไม ช.ทวีจึงยอมให้สแกนอินเตอร์เข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นการแบ่งกำไรให้สแกนอินเตอร์ จากการที่สแกนอินเตอร์สามารถเข้าร่วมกลุ่มกับ ช.ทวีได้จึงน่าจะเป็นคำตอบได้ว่าเหตุใดจึงมีการเชิญสแกนอินเตอร์ในรอบที่ 2 ให้เข้าร่วมประมูลด้วย ส่วนบริษัทอื่นที่ได้รับเชิญไม่เข้าร่วมประมูลด้วย ทราบมาว่าเป็นเพราะไม่สามารถเตรียมเอกสารจำนวนมากได้ทันเวลา



4. ทำไมกรรมการ ขสมก.บางคนจึงมีความพยายามที่จะให้ ขสมก.ทำสัญญาซื้อรถและซ่อมบำรุงกับ ช.ทวีร่วมกับสแกนอินเตอร์ ทั้งๆ ที่กลุ่มนี้เสนอราคาสูงกว่าราคากลางถึง 240 ล้านบาท และที่สำคัญ หากย้อนดูการประมูลที่ ช.ทวีเคยชนะโดยไม่ได้ร่วมกลุ่มกับสแกนอินเตอร์ พบว่า ช.ทวีเคยเสนอราคาต่ำกว่าราคากลางโดยเสนอราคา 3,800 ล้านบาท มาครั้งนี้คือการประมูลครั้งที่ 8 ช.ทวีร่วมกับสแกนอินเตอร์เสนอราคาเพิ่มขึ้นเป็น 4,260 ล้านบาท ซึ่งแพงกว่าที่เคยเสนอไว้เดิมถึง 460 ล้านบาท เหตุใดจึงต้องเสนอราคาเพิ่มสูงขึ้นในขณะที่ราคากลางไม่ได้เพิ่มขึ้น มีความจำเป็นอะไรที่ ช.ทวีต้องร่วมกลุ่มกับสแกนอินเตอร์ และต้องเสนอราคาแพงขึ้น เพราะหาก ช.ทวีไม่ร่วมกลุ่มกับสแกนอินเตอร์โดยยื่นข้อเสนอเพียงบริษัทเดียวไม่มีสแกนอินเตอร์มาพ่วงด้วยในราคาเดิมคือ 3,800 ล้านบาท ก็มีกำไรอยู่แล้ว




“สำหรับรถของ ช.ทวีร่วมกับสแกนอินเตอร์จำนวน 100 คัน ที่วิ่งให้บริการอยู่ในเวลานี้นั้น ผมขอเสนอให้ ขสมก.ยื่นหลักฐานการตรวจรับรถต่อศาลปกครองกลางหากมีการรับรถแล้วจริง ซึ่งอาจจะทำให้ศาลพิจารณายกเว้นการทุเลาตามมติของคณะกรรมการ ขสมก.ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2560 เฉพาะกรณีนี้ก็ได้ นั่นหมายความการรับรถจำนวน 100 คัน เป็นการรับรถที่ถูกต้อง ชอบด้วยกฎหมาย พี่น้องประชาชนคนกรุงเทพฯ และปริมณฑลก็สามารถใช้รถเมล์ใหม่ได้อย่างสบายใจ ไม่น่าเชื่อว่าในยุคที่มีนายกรัฐมนตรีที่มีความมุ่งมั่นในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมีคนกล้าทำเรื่องที่น่าละอายเช่นนี้ได้ โดยสรุป หากมีการสอบสวนประเด็นดังกล่าวข้างต้นกันอย่างจริงจัง รับรองว่าจะสามารถหาตัวคนที่แฝงตัวทำงานนี้หรือ “ไอ้โม่ง” ได้แน่”ดร.สามารถ กล่าว