รมว.เกษตรฯนำทีมลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยอยุธยา ปทุมธานี เสนอของบกลาง 3,700 ล้านเยียวยาฟื้นฟูเกษตรกร คาดเข้า ครม. สัปดาห์นี้
เมื่อวันที่ 5 ต.ค.เวลา 10.20 น. ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนายอัครา พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา และปทุมธานี โดยเริ่มต้นที่วัดไชยวัฒนาราม ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นจุดแรก โดยมี นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผวจ.พระนครศรีอยุธยา และนายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน บรรยายสรุปสถานการณ์น้ำในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา
ศ.ดร.นฤมล กล่าวภายหลังการติดตามสถานการณ์น้ำ ว่าจากที่ได้รับฟังสรุปสถานการณ์ในขณะนี้ น้ำจะไม่ท่วม กทม. เหมือนในปี 2554 แน่นอน เนื่องด้วยปริมาณน้ำและน้ำที่ยังเก็บกักได้เพิ่ม ตามที่รองอธิบดี กรมชลประทานรายงานข้อมูลมา แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ประสานกับกรมชลประทานตลอด เพื่อเตรียมแผนระบายน้ำหากมีพายุและปริมาณน้ำฝนลงมาเพิ่มจำนวนมาก รวมทั้งมีการจัดการสิ่งกีดขวางทางเดินน้ำในคลองระบายน้ำต่าง ๆ
เมื่อถามถึงการชดเชยเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมครั้งล่าสุด ศ.ดร.นฤมล ระบุว่า กระทรวงเกษตรฯ ได้ประเมินความเสียหาย และวางงบประมาณที่จะต้องใช้ในการฟื้นฟูทั้งหมดประมาณ 3,700 ล้านบาท และได้ส่งข้อมูลไปให้กระทรวงมหาดไทยแล้ว ซึ่งคาดว่าน่าจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เพื่อพิจารณาอนุมัติได้ในสัปดาห์หน้า โดยงบดังกล่าวจะนำมาใช้ในเรื่องของข้าว เช่น การเตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าว เพื่อแจกจ่าย รวมทั้งช่วยเหลือภาคปศุสัตว์และประมงที่ได้รับความเสียหายด้วย กระทรวงเกษตรฯ ได้หารือกัน เนื่องจากมีข้อมูลจากเกษตรกรในพื้นที่ ว่ากว่าน้ำจะลด กว่าจะได้งบประมาณมา และของจะไปถึง อาจจะไม่อยู่ในฤดูกาลเพาะปลูกแล้ว จึงได้หารือกับปลัดกระทรวงเกษตรฯ และให้ติดตามเรื่องที่สำนักงบประมาณตามที่ได้เสนอไป ว่าในบางพื้นที่ ในบางจุด ในบางงบฯ จะขอเปลี่ยนแปลงเป็นการฟื้นฟูด้วยเม็ดเงินเพิ่มเติมให้เกษตรกรได้หรือไม่
ด้านนายเดช เล็กวิชัย รองอธิบดีปฏิบัติราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวชี้แจงถึงการออกประกาศเตือน ลุ่มเจ้าพระยาฉบับที่ 10 พื้นที่ 11 จังหวัด เตรียมรับมือระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น หลังเขื่อนเจ้าพระยาระบายน้ำเพิ่ม ว่าการที่เราจะระบายน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาเกิน 2,000 ลบ.ม./วินาที นั้น จะต้องขออนุญาตคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) จะทำโดยกรมชลประทานแห่งเดียวไม่ได้ ซึ่ง กนช.ได้อนุญาตเรียบร้อยแล้ว จึงต้องแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมพร้อม โดยการระบายน้ำจะทำแบบขั้นบันได ค่อย ๆ ปล่อยน้ำไป การระบายน้ำที่จะเกิดขึ้น อาจจะไม่ถึงระดับที่เราได้ขออนุญาต กนช.ไป แต่จำเป็นที่ต้องขอเผื่อไว้ล่วงหน้า เนื่องจากต้องขอล่วงหน้าก่อน 3 วัน จึงขอทำความเข้าใจไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก หรือวิตกกังวลดังกล่าว
จากนั้น ศ.ดร.นฤมล พร้อมด้วย 2 รมช.เกษตรฯ และคณะ ได้เดินทางต่อไปยังวัดอินทาราม ต.วัดตะกู อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมทั้งไปตรวจปริมาณน้ำบริเวณประตูระบายน้ำคลองตานึ่ง ต.ทางช้าง อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา และเดินทางไปยังสถานีสูบน้ำปากคลองรังสิต ถ.เลียบคลองประปา ต.บ้านใหม่ อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี