วราวุธ ยันไม่ขายพรรคชาติไทยพัฒนา

2017-05-08 14:20:10

วราวุธ ยันไม่ขายพรรคชาติไทยพัฒนา

Advertisement

บุตรชายนายบรรหาร ศิลปอาชา ยืนยัน ไม่มีการขายพรรคชาติไทยพัฒนา ตามที่มีกระแสออกมา พร้อมยอมรับมีสมาชิกพรรคการเมืองอื่นขอร่วมเป็นสมาชิก แต่ส่วนตัวไม่ยึดติดแคนดิเดตหัวหน้าพรรค




นายวราวุธ ศิลปอาชา บุตรชาย นายบรรหาร ศิลปอาชา และอดีต ส.ส.พรรคชาติไทยพัฒนา จังหวัดสุพรรณบุรี ชี้แจงในนามตระกูลศิลปอาชา   ปฏิเสธกระแสข่าวพรรคชาติไทยพัฒนาจะถูกเทคโอเวอร์ จาก นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โดยยังคงย้ำว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ครอบครัวและสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา พยายามพัฒนาพรรคให้เข้มแข็ง และการตัดสินใจต่างๆ จะต้องผ่านมติจากที่ประชุมพรรค พร้อมยืนยันว่า พรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ได้มีไว้เพื่อขายเหมือนบริษัทจำกัดที่จะสามารถเทคโอเวอร์ หรือ ขายธุรกิจได้  พร้อมมองว่า การขายพรรค ถือเป็นการทรยศต่อ นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ดังนั้น สมาชิกทุกคน   ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ติดต่อมา ก็แค่การแสดงความเสียใจต่อกรณีที่ นายบรรหาร เสียชีวิตเท่านั้นและไม่เคยติดต่อกันอีกเลย
นายวราวุธ ยังกล่าวอีกว่า พรรคชาติไทยพัฒนาไม่ได้มีทุนหนา แต่มีพอใช้ และไม่คิดจะขอการสนับสนุนจากใคร เพราะมีศักดิ์ศรี และเชื่อว่าเมื่อรัฐบาลเปิดโอกาสให้พรรคดำเนินกิจกรรมเพื่อระดมทุน  พรรคก็จะดำเนินการเช่นเดียวกับพรรคอื่นๆ และเมื่อถึงวันเลือกตั้ง ก็เชื่อว่าสมาชิกทุกคนพร้อมลงสนาม โดยไม่จำเป็นต้องมีท่อน้ำเลี้ยง



ส่วนการร่วมงานของพรรคชาติไทยพัฒนา กับพรรคการเมืองอื่นๆ ในอนาคตนั้น นายวราวุธ ระบุว่า เป็นตามระบอบประชาธิปไตย ที่สามารถเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคการเมืองอื่นๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้ ซึ่งถ้าได้เป็นพรรคร่วม ก็จะเคารพเสียงข้างน้อย เคารพเสียงข้างมาก ถ้าเป็นฝ่ายค้าน ก็จะทำงานอย่างสร้างสรรค์
ส่วนการที่สมาชิกจากพรรคการเมืองอื่นๆ มาทาบทามขอเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา และยังไม่ทราบว่าในอนาคต จะมีผู้ใหญ่ในพรรค ลาออกไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นๆ หรือไม่โดยยืนยันว่า ส่วนตัวไม่ยึดติดกับการเป็นแคนดิเดตหัวหน้าพรรค  ไม่ว่าใครจะมาเป็นหัวหน้าพรรคก็พร้อมร่วมงานด้วยหากผู้ใหญ่ในพรรคให้ความไว้วางใจ ก็พร้อมทำงานเต็มที่ สำหรับกหารทำงานของพรรคต่อจากนี้ เมื่อสิ้นนายบรรหาร ก็ไม่มีใครสามารถมีบารมีและเป็นหัวเรือแทนนายบรรหารได้ ดังนั้นผู้ใหญ่ในพรรคต้องมาร่วมมือกันช่วยกันสร้างพรรคให้เป็นสถาบันทางการเมืองที่เข้มแข็ง