ย้อนความหลังตอนเป็นนางเอกดังค่ายยูม่า ทำมาแล้วทุกอย่างทั้งยกของและหอบเสื้อผ้า เจ้าตัวได้เปิดใจผ่านรายการ Level up ทางช่องYoutube Thairath Online Originals เล่าย้อนถึงการเข้าสู่วงการบันเทิง ผ่านการแคสติ้ง ได้เล่นโฆษณา หลังจากนั้นได้รับโอกาสจากค่ายยูม่า เป็นจุดเริ่มต้นเรียนการแสดงมาตั้งแต่มัธยมปลาย และมีผลงานละครเรื่องแรก "โปลิสจับขโมย"
"ฉากแรกที่เชอรี่เล่น แค่เดินยังเดินไม่ได้...หายใจยังไม่เป็นธรรมชาติเลย เรารู้ตัวเลยว่าเล่นแข็งมาก แต่ละครเรื่องโปลิสจับขโมยเป็นเรื่องที่ทำให้เราเปิดโลกเรื่องการแสดง จากที่เคยบอกว่าจะเล่นแค่เรื่องเดียว จากที่ร้องไห้ไม่เอาแล้วไม่ชอบการแสดงแล้ว กลายเป็นคนที่ตื่นเต้นกับการทำงาน"
“ที่ยูม่าถ้าไม่บอกว่าเป็นค่ายละคร ก็อาจจะคิดว่าเป็นค่ายทหาร ขอโทษนะคะ อายุ อาเม้าท์ (หัวเราะ) แต่ว่ามันดีมากๆนะ คือมีวินัยมากในเรื่องของความตรงต่อเวลา ทานอาหารเป็นทุกอย่าง ของพี่คือฝึกมาจากกองถ่าย ตอนเด็กๆ ตอนอยู่บ้าน อันนั้นก็ไม่อยากจะกิน อันนี้ก็ไม่อยากจะชิมแต่พอมาอยู่กองต้องทานเหมือนคนอื่น ทุกอย่างต้องเป๊ะตามเวลา นัดกี่โมง ต้องเริ่มถ่ายกี่โมง ต้องเริ่มเป๊ะๆ นอกจากดูแลรับผิดชอบงานของตัวเองแล้วต้องช่วยเหลือคนอื่นด้วย บางทีต้องไปช่วยหอบเสื้อผ้า บางทีต้องช่วยเค้ายกของ นี่คือวิถีของนางเอก นี่คือการฝึกของเค้า ซึ่งมันดีมากๆ มันทำให้เราไม่เคยคิดเลยว่ามีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่น
"มีวิชาหนึ่งจำได้ เรียนมาทั้งเทอมแล้ว ถึงวันที่จะต้องสอบ แต่วันนั้นเป็นวันถ่ายละคร ค่ายเค้าก็มาขอคิว เราบอกว่า พี่คะ วันนี้สอบไฟนอล เค้าบอกว่า ก็ไปจัดการตัวเองว่าอยากจะเรียน หรืออยากจะทำงาน เราก็แบบ ช็อค ช็อคว่าแล้วเราต้องจัดการยังไง รู้สึกแค่นั้น ณ ตอนนั้น มันคือสิ่งที่เราต้องรับผิดชอบ ทั้งการทำงานและเรื่องเรียน แต่สุดท้ายก็ผ่านช่วงเวลานั้นมาได้"
จากชีวิตการเป็นนางเอกดัง...มาถึงจุดเปลี่ยนที่เกิดจากการสูญเสียคุณแม่ เชอรี่บอกว่าจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้มองจุดสมดุลย์ของชีวิตเปลี่ยนไป สิ่งที่ได้ คือเรียนรู้ที่จะอยู่กับความทุกข์ได้ดีขึ้น
"จุดของการเสียคุณแม่ มันก็เป็นจุดสำคัญของเชอรี่ในการใช้ชีวิตต่อเหมือนกัน เพราะถือว่าเป็นความเสียใจครั้งใหญ่ในชีวิต ที่เราไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเราจะใช้ชีวิตที่เหลือต่อไปอย่างไร แต่ก็พยายามหาทางเยียวยาตัวเอง จากการอ่านหนังสือ จากการคิด การฟังอะไรทั้งหลาย มันทำให้อยู่ได้ ก็เลยเข้าใจว่า ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา และใช้การหาจุดสมดุลย์ของเรา หาวิธีคิดแบบไหนที่จะทำให้เราใช้ชีวิตต่อไปได้ จุดนั้นเป็นจุดสำคัญเลย เพราะไม่ว่าเราจะดีลกับความทุกข์แบบไหน เชอรี่จะค่อยๆดีลกับมันไป สิ่งนี้มันเกิดขึ้น แต่เดี๋ยวมันจะดีขึ้น"
จากฉายานางฟ้าแวมไพร์ สู่ฉายานางฟ้าผืนป่า "เชอรี่" บอกว่า เรื่องสิ่งแวดล้อม มันเริ่มมาจากจุดเล็กๆ เริ่มจากการสนใจเรื่องภัยแล้ง ก่อนหน้านี้เคยคิดเหมือนกัน ว่าคนตัวเล็กๆอย่างเราจะทำอะไรได้ แต่สุดท้ายก็ตระหนักได้ว่า สิ่งสำคัญต้องเริ่มลงมือทำต่างหาก
"เรื่องการทำงานที่หายไป เพราะรู้สึกว่าไม่มีบทไหนที่ตัวอยากเล่น อย่างเรื่องล่าสุดที่รับ ก็ห่างจากเรื่องสุดท้ายนานถึง 8 ปี ตัดสินใจรับเพราะมีความรู้สึกว่าอยากเล่น และมองเห็นตัวเองว่าจะถ่ายทอดบทบาทนี้ออกมายังไง เริ่มมีความรู้สึกนี้กลับมา เราดีใจมากๆ ก็เลยเข้าใจตัวเอง บางทีสิ่งที่เราคิดว่าเราหมด passion กับมันอะ มันไม่จำเป็นต้องถาวรนะ มันสามารถมีความรู้สึกกลับมาได้อีก ถ้ามันเจอสิ่งที่ใช่"
"เรื่องสิ่งแวดล้อมก็เช่นกันนะ เราไม่คิดว่าจะสนใจมัน ถึงขั้นตาเป็นประกาย เราเคยตั้งคำถามว่า เราเป็นแค่ตัวเล็กๆ จะทำอะไรได้ แต่สุดท้ายก็ได้ศึกษา และก็ได้รู้ว่าพบว่ามันมีปัญหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมเยอะมาก สุดท้ายก็ตระหนักได้ว่า อ๋อ ถ้าเราจะทำอะไร เราต้องรู้จริง สิ่งที่ดีใจมากที่สุด คือทางเจ้าหน้าที่เคยมาบอกเชอรี่ว่า สิ่งที่เชอรี่พูด เค้าใช้เวลาตั้งหลายปีกว่าชาวบ้านจะเข้าใจ แต่พอเป็นเชอรี่ เค้ากลับตั้งใจฟัง ก็รู้สึกดีใจที่ชื่อเสียงของเรามีความหมายในทางที่ดี"