สภาฯถกญัตติด่วนล้อมคอกเพลิงไหม้รถบัสทัศนศึกษา "เจเศรษฐ์" หวังรัฐบาลออกมาตรการแก้ไขเป็นรูปธรรม ยกระดับการป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีก
เมื่อวันที่ 2 ต.ค.67 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม ทั้งนี้มีการพิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจาของ ส.ส. จำนวน 3 ญัตติ ได้แก่ 1.ญัตติด่วนด้วยวาจาที่นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ ส.ส. อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย เสนอขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาแนวทางเสนอข้อคิดเห็นและการยกระดับมาตรฐานในการป้องกันการเกิดเหตุกรณีรถบัสทัศนศึกษา เกิดเหตุเพลิงไหม้ และหาแนวทางช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ
นายเจเศรษฐ์ ได้ลุกขึ้นเสนอญัตติ กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือถึงเหตุการณ์ดังกล่าวว่า ในฐานะตัว แทนครอบครัวผู้สูญเสีย ผู้ที่ได้รับผลกระทบ และชาว จ.อุทัยธานีในครั้งนี้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่เข้าไปช่วยเหลือ และได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุเมื่อวานนี้ด้วยความเศร้าเสียใจ และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบถึงสภาพจิตใจของนักเรียน ครอบครัวผู้เสียชีวิต จึงขอรับฟังแนวทางการแก้ไขของสภาและคาดหวังให้รัฐบาลออกมาตรการแก้ไขเป็นรูปธรรม ซึ่งสิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นเรื่องของทุกคนที่ต้องช่วยกันระดมความคิดความเห็นทำให้เกิดการแก้ไขอย่างจริงจัง พร้อมกับให้คำมั่นสัญญาว่าจะสืบทอดเจตนารมย์ของครูที่พร้อมพลีกายปกป้องชีวิตเด็กนักเรียน
"ผมขอขอบคุณทุกคำโอบอุ้มปลอบโยนของทุกคนที่ส่งมาให้ แต่วันนี้พวกเราขอความเจ็บช้ำนั้น ขอให้พวกเรารวบรวมความเจ็บช้ำนั้น เก็บไว้กับเราและขอให้เป็นสิ่งที่ได้รับการเรียนรู้แก้ไข ยกระดับในการป้องกันเพื่อให้ไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นกับใครอีก" นายเจเศรษฐ์ กล่าว
2.ญัตติด่วนด้วยวาจาของ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ ส.ส. แพร่ พรรคเพื่อไทย เสนอขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาสาเหตุการเกิดไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนแนวทางการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบและมาตรการการป้องกันการเกิดเหตุซ้ำ โดยนพ.ทศพร กล่าวว่า เห็นว่าคนทั้งประเทศเศร้าเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและมีคนแสดงความเห็นว่าควรยกเลิกการทัศนศึกษาหรือไม่ สภาฯจึงต้องช่วยกันคิดว่าการทัศนศึกษาเป็นความบกพร่องหรือไม่จึงทำให้ต้องยกเลิก หรือความผิดความบกพร่องอยู่ที่กระบวนการทัศนศึกษา หรืออยู่ที่รถ หรืออยู่ที่คน หรือเด็กนักเรียนในวัยใดที่จะเดินทางไปทัศนศึกษาโดยสามารถดูแลตัวเองได้ได้เมื่อมีเหตุฉุกเฉิน รวมถึงรถที่ใช้เดินทางมีความปลอดภัยเพียงพอหรือไม่ โครงสร้างการดัดแปลงทำถูกหลักวิศวกรรมหรือไม่ และอุปกรณ์ความปลอดภัยในรถเครื่องดับเพลิงประตูฉุกเฉินมีเพียงพอใช้การได้หรือไม่ และรถโดยสารควรมีอายุการใช้งานเท่าไหร่ ศักยภาพ สุขภาพการควบคุมของ ของคนขับรถ หรือการแก้ไขปัญหาเมื่อเกิดเหตุมีหรือไม่ ถ้าเราไม่อยากเห็นเหตุการณ์ความเศร้าโศกเสียใจแบบนี้เกิดขึ้นอีกเราจะต้องช่วยกันคิดช่วยกันระดมความคิด ส่งมาตรการนี้ให้รัฐบาลนำไปดำเนินการและต้องช่วยกันตรวจสอบติดตามอย่างเข้มข้นว่ามาตรการที่ส่งไปแล้วจะได้รับการปฏิบัติหรือไม่ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนกู้ภัยอาสาสมัครครูที่ปกป้องนักเรียนจนต้องเสียสละชีวิตตนเองขอแสดงความเสียใจกับนักเรียนทุกคนต่อพ่อแม่ญาติพี่น้องผู้สูญเสียขอสดุดีครู3 คน ที่ปกป้องลูกศิษย์จนเสียชีวิต
3.ญัตติด่วนด้วยวาจาของ น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส.กทม. พรรคประชาชน เสนอขอให้สภาผู้แทนราษฎรศึกษาแนวทางป้องกันเหตุและแผนเผชิญเหตุที่เป็นรูปธรรมในอนาคต กรณีการเกิดเหตุไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาเพื่อเสนอเรื่องไปยังรัฐบาลดำเนินการต่อไป โดยน.ส.ศศินันท์ กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและชื่นชมการบริหารจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินที่ทันท่วงทีของรัฐบาล วันนี้ไม่ได้หาคนผิดหรือติติงแต่จะหาทางออกร่วมกันว่าไม่ให้เผชิญเหตุการณ์หรือถอดบทเรียนซ้ำๆ ในเรื่องสะเทือนใจแบบนี้ในอนาคต อ้างอิงข้อมูลเฝ้าระวัง ศูนย์วิชาการ ความปลอดภัยทางท้องถนนและเครือข่าย องค์กรผู้บริโภค ระบุปี 65 มีอุบัติเหตุบนท้องถนนและความไม่ปลอดภัยกับรถรับส่งนักเรียน 1 ปี 30 ครั้ง โดยช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนมี.ค.67 เกิดอุบัติเหตุรถรับส่งนักเรียน 15 ครั้ง มีนักเรียนเสียชีวิตหนึ่งคนและบาดเจ็บกว่า 150 คน สาเหตุมาจากความประมาทเลอรเลอร์ของผู้ขับรถ สภาพรถที่ไม่ปลอดภัย การขาดการจัดการที่เป็นระบบมีประสิทธิภาพ ทำให้จะต้องจัดการปัญหาโครงสร้างอย่างเร่งด่วน
น.ส.ศศินันท์ กล่าวต่อว่า มีข้อเสนอต่อเหตุการณ์เมื่อวันที่ 1 ต.ค.67 ถึงแผนป้องกันเหตุแผนการเผชิญเหตุในอนาคต 4 ประเด็น 1. มาตรฐานรถโดยสารสาธารณะเพื่อความปลอดภัย ไทยมีกฎเกณฑ์กฎหมายควบคุมคุณภาพรถซึ่งกำหนดให้มีอุปกรณ์จำเป็นให้ครบถ้วน “ประตูฉุกเฉิน - เครื่องดับเพลิงที่สามารถใช้การได้ -อุปกรณ์ทุบกระจก” วัสดุในรถต้องอยู่ภายใต้ข้อกำหนดคุมการลุกไหม้ตามมาตรฐาน และต้องมีการตรวจสอบสภาพรถอย่างจริงจังเพื่อลดเกิดอุบัติเหตุ 2. การนำเสนอข่าว เนื่องจากมีความเปราะบางและละเอียดอ่อน และเคารพสิทธิ์ผู้ประสบเหตุไม่ให้เป็นการตอกย้ำความสูญเสีย และผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องควรออกจากเหตุการณ์ให้ไวที่สุด มีหน่วยงานที่สำคัญเข้าถึงผู้ประสบเหตุให้ไว การนำเสนอข่าวมอบหมายให้เป็นทางการเพื่อให้ข่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกันและป้องกันความเปราะบาง 3.การเยียวยาผู้ประสบภัยเหตุครอบครัวอย่างรวดเร็วและทั่วถึง และฟื้นฟูสภาพจิตใจ ให้จิตแพทย์ดูแลจิตใจอย่างต่อเนื่อง ชื่นชมรัฐบาลได้ประสานงานเรื่องนี้ได้อย่างดีและรวดเร็วแต่จะเป็นการดีหากมีการกำหนดเรื่องนี้ในแผนเผชิญเหตุอย่างเป็นรูปธรรม และ4.เรื่องที่สังคมตกเถียงการทัศนศึกษา ซึ่งปัญหาจริงๆของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้อยู่ที่การไปทัศนศึกษาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของคุณภาพความปลอดภัยทุกอย่างที่เกี่ยวข้องและอุบัติเหตุที่คาดการณ์ไม่ได้ และการสอนให้เด็กเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งจะควรบรรจุในหลักสูตรการศึกษาอย่างเป็นระบบ
"เหตุการณ์เมื่อวันที่ 1 ต.ค.67 ไม่ได้มีอะไรชดเชยความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับหลายครอบครัว จึงอยากชวนเพื่อนสมาชิกทุกคนเอาความเจ็บปวดร่วมกันในวันนี้ทำให้ทุกคนเอาจริงเอาจังมากขึ้นกับความปลอดภัยบนรถถนนที่ไม่ใช่เพียงรถโรงเรียน รถโดยสารสาธารณะในประเทศประเทศไทยก็เกิดอุบัติเหตุไม่เว้นแต่ละวันต้องเอาจริงเอาจังสร้างระบบมาตรฐานความปลอดภัยของรถโดยสารและสร้างสังคมที่ปลอดภัยให้กับทุกคนในอนาคตร่วมกัน" น.ส.ศศินันท์ กล่าว
จากนั้นที่ประชุมสภาฯ ได้เปิดโอกาสให้ ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล อภิปรายกันอย่างกว้างขวางในญัตติดังกล่าว