"ณัฐวุฒิ" แจง กมธ.ถอนร่างไม่ตีเด็กกลับไปทบทวนด้วย 4 เหตุผล (มีคลิป)

2024-09-25 20:11:59

"ณัฐวุฒิ" แจง กมธ.ถอนร่างไม่ตีเด็กกลับไปทบทวนด้วย 4 เหตุผล (มีคลิป)

Advertisement

"ณัฐวุฒิ" ระบุ กมธ.ถอนร่างไม่ตีเด็กกลับไปทบทวนด้วย 4 เหตุผล พร้อมทำงานให้หนักขึ้นเพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน

เมื่อวันที่ 25 ก.ย.67 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือร่างกฎหมายไม่ตีเด็ก ที่เสนอโดย นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน และคณะ ซึ่งกรรมาธิการพิจารณาเสร็จแล้ว เข้าสู่การลงมติในวาระ 2-3  อย่างไรก็ตาม ในการอภิปราย ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ทักท้วงประเด็นที่ร่างเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1567 (2) เรื่องสิทธิผู้ปกครองในการทำโทษบุตร ทำให้ประธานสั่งพักการประชุม 5 นาที และท้ายที่สุด กมธ. ได้ขอถอนรายงานเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข

ต่อมา นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ในฐานะผู้เสนอร่างกฎหมายและ กมธ. แถลงข่าวว่า เราคาดหวังว่าการพิจารณากฎหมายฉบับนี้ จะเป็นไปด้วยความราบรื่น แต่น่าเสียดายที่กรรมาธิการจำเป็นต้องถอนร่างเพื่อกลับไปพิจารณาทบทวนด้วย 4 เหตุผล

เหตุผลแรก การอภิปรายของ ส.ส. หลายคน ตั้งคำถามว่าการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ เป็นไปเพื่อเหตุใด เสมือนย้อนกลับไปอภิปรายในวาระ 1 ทั้งที่วาระ 1 นั้น ทุกพรรคการเมืองลงมติเห็นชอบ 401 เสียง รับหลักการว่าผู้ปกครองมีสิทธิในการทำโทษบุตร แต่ต้องไม่เปิดช่องให้ใช้ดุลพินิจว่าการดำเนินการอย่าง “สมควร” นั้นเป็นอย่างไร ต้องไม่เป็นการทารุณกรรมหรือกระทำการใดๆ ที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายหรือจิตใจ ซึ่งกรรมาธิการก็ปรับแก้ร่างบนพื้นฐานหลักการนี้

เหตุผลสอง เรื่องถ้อยคำ ร่างแก้ไขของกรรมาธิการมีการปรับแก้ถ้อยคำ 3 จุด คือ (1) เรื่องการทำโทษ เดิมกฎหมายเขียนว่าทำเพื่อว่ากล่าวสั่งสอน ร่างของเราเพิ่มคำว่าทำเพื่อปรับพฤติกรรม ซึ่งเป็นคำเชิงบวก จะทำให้ผู้ปกครองเข้าใจถึงเจตนารมย์ของการลงโทษมากขึ้น (2) เปลี่ยนคำว่าทารุณกรรมหรือทำร้าย เป็นความรุนแรง (violence) เพราะเป็นคำที่ได้รับการยอมรับทั่วโลกและกฎหมายไทยหลายฉบับจะใช้คำในลักษณะเดียวกัน และ (3) ปรับคำว่า “ด้อยค่า” ที่อาจทำให้เกิดการตีความกว้างเกินไป มาเป็นคำว่า “การกระทำโดยมิชอบ อันเป็นการลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์” ซึ่งเชื่อมโยงกับหลักการที่ได้รับการรับรองในรัฐธรรมนูญ

ดังนั้นเนื้อหาโดยรวม ยืนยันว่ามุ่งสนับสนุนพ่อแม่ผู้ปกครองในการมีวิธีการที่เหมาะสมเพื่อทำโทษบุตร ไม่ใช่ตามที่บางคนกล่าวอ้างว่าต่อไปนี้พ่อแม่ผู้ปกครองจะลงโทษหรือกระทำใดๆ กับลูกไม่ได้ ไม่ใช่ตามที่อ้างว่าจะนำไปสู่ความแตกแยกในครอบครัว การฟ้องร้องดำเนินคดีต่อพ่อแม่ ที่ว่ามาไม่เกี่ยวข้องกับร่างฉบับนี้แน่นอน

เหตุผลที่สาม มี ส.ส. ท้วงติงเรื่องของคำว่า “เฆี่ยนตี” ซึ่งต้องยืนยันว่าคำนี้ กมธ. ไม่ได้ใส่เข้าไปใหม่ แต่ปรากฏอยู่ตั้งแต่ชั้นรับหลักการ คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) ซึ่งประเทศไทยจะขอมีที่นั่งด้วยนั้น ได้ท้วงติงว่าขอให้ประเทศไทยปรับแก้การเฆี่ยนตี โดยระบุให้ชัดเจนว่าเป็นข้อห้ามในกฏหมายแพ่งและพาณิชย์ได้หรือไม่ ซึ่งกรรมาธิการก็ยืนตามนั้น จึงไม่มีเหตุผลใดที่วันนี้จะมีการพิจารณาในลักษณะถอนร่างหรือไม่เห็นด้วย

ประการที่สี่ เราตระหนักดีว่าอาจยังไม่สามารถสื่อสารให้เกิดความเข้าใจได้มากพอ การอภิปรายของ ส.ส. หลายคนวันนี้ สะท้อนว่ายังมีความไม่เข้าใจอยู่มาก จึงเป็นการบ้านของพรรคประชาชนและของกรรมาธิการที่ต้องทำงานให้หนักขึ้น โดยกฎหมายฉบับนี้เป็นกฎหมายพรรคฝ่ายค้านเพียงฉบับเดียวใน 2 สมัยประชุมที่ผ่านมา ซึ่งเราเสียดายที่ไม่มีร่างของพรรครัฐบาลมาประกบ และหวังว่าจะไม่มีการนำเรื่องนี้ไปเป็นประเด็นทางการเมือง ขอให้พิจารณาบนเนื้อหาสาระว่าเราจะมุ่งเน้นปกป้องคุ้มครองสิทธิเด็ก

โดยหลังจากนี้ กรรมาธิการจะนัดประชุมโดยเร่งด่วน ไม่เกินต้นสัปดาห์หน้า เพื่อปรับแก้และดูในรายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจยืนยันตามร่างเดิมในวาระหนึ่ง หรือยืนยันร่างของวันนี้ หรือปรับแก้ถ้อยคำเพิ่มเติมเพื่อสื่อสารให้ชัดเจนยิ่งขึ้น จึงขอความร่วมมือไปยังฝ่ายรัฐบาล ว่าถ้าเห็นตรงกันว่ากฎหมายฉบับนี้มีหลักประกันสำคัญนำไปสู่การคุ้มครองเด็ก ขอให้มีการนำมาพิจารณาในสมัยประชุมนี้ โดยเราจะเร่งดำเนินการส่งเรื่องนี้กลับเข้าสภาฯ โดยเร็วที่สุด