ซานฟรานซิสโก, 14 ก.ย. (ซินหัว) — พนักงานบริษัทโบอิง (Boeing) มากกว่า 30,000 คน หยุดงานประท้วงเมื่อวันศุกร์ (13 ก.ย.) หลังจากบรรดาพนักงานแห่ปฏิเสธข้อตกลงเบื้องต้นที่โบอิงได้ทำร่วมกับสมาคมช่างเครื่องและคนงานด้านการบินและอวกาศนานาชาติ (International Association of Machinists and Aerospace Workers – IAM) ซึ่งเป็นสหภาพแรงงาน โดยพนักงานโบอิงลงมติว่าจะทำการประท้วงมากถึงร้อยละ 96 ซึ่งมากกว่า 2 ใน 3 ของคะแนนเสียงที่จำเป็นต้องมีสำหรับการหยุดงานประท้วง
จอน โฮลเดน ประธานสมาคมช่างเครื่องและคนงานด้านการบินและอวกาศนานาชาติ เขต 751 (IAM District 751) ประกาศผลการลงมติและยืนยันในงานแถลงข่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่า “การประท้วงการใช้แรงงานอย่างไม่เป็นธรรม” ครั้งนี้จะเริ่มตั้งแต่เวลาเที่ยงคืน และเสริมว่าพนักงานในโรงงานล้วนประสบกับ “พฤติกรรมเลือกปฏิบัติ การบังคับสอบปากคำ การเฝ้าจับตาอย่างผิดกฎหมาย และการให้คำมั่นสัญญาว่าจะให้รับผลประโยชน์อันเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย”
ด้านโบอิงกล่าวในแถลงการณ์ว่า “สารดังกล่าวชี้ชัดว่าข้อตกลงเบื้องต้นที่เราบรรลุกับผู้นำของสหภาพนั้นไม่เป็นที่ยอมรับของเหล่าสมาชิก” พร้อมระบุว่าบริษัทยังมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูความสัมพันธ์กับพนักงานและสหภาพ และพร้อมที่จะกลับสู่การเจรจาอีกครั้งเพื่อบรรลุข้อตกลงใหม่
สเตฟานี โป๊ป ประธานและกรรมการบริหารเครื่องบินโบอิงพาณิชย์ กล่าวก่อนหน้านี้ว่าข้อตกลงเบื้องต้นดังกล่าวเป็น “สัญญาที่ดีที่สุดเท่าที่โบอิงเคยเสนอให้พนักงาน”
ข้อเสนอนี้ประกอบด้วยการขึ้นเงินเดือนร้อยละ 25 และการปรับปรุงด้านอื่นๆ เพื่อการดูแลสุขภาพและผลประโยชน์ของพนักงานหลังเกษียณอายุ ขณะที่สหภาพแรงงานดังกล่าวได้เรียกร้องให้โบอิงปรับขึ้นเงินเดือนขึ้นประมาณร้อยละ 40
การประท้วงหยุดงานครั้งนี้สร้างผลกระทบอย่างหนักหน่วงต่อบริษัท เนื่องจากก่อนนี้บริษัทได้พยายามอย่างมากเพื่อเพิ่มการผลิตและกอบกู้ชื่อเสียงหลังเกิดวิกฤตด้านความปลอดภัย โดยการประท้วงหยุดงานครั้งนี้ทำให้การผลิตเครื่องบินส่วนใหญ่ของบริษัทต้องหยุดชะงักลง
ปริมาณการผลิตของโบอิงต่ำกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากบริษัทพยายามแก้ไขข้อบกพร่องในการผลิตและยังเผชิญกับปัญหาอื่นๆ อีกหลายประการในอุตสาหกรรม เช่น ปัญหาการขาดแคลนอุปทานและแรงงาน โดยก่อนหน้านี้ในปี 2008 พนักงานของโบอิงเคยหยุดงานประท้วงนานเกือบ 2 เดือน
ทั้งนี้ กรณีประตูเครื่องบิน 737 แม็กซ์ 9 ลำใหม่ที่เพิ่งส่งมอบให้กับสายการบินอลาสก้าแอร์ไลน์สเมื่อเดือนมกราคมปีนี้ เกิดหลุดกลางอากาศ ทำให้รัฐบาลกลางต้องตรวจสอบการผลิตของโบอิงเพิ่มเติม ซึ่งองค์การบริหารการบินแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันศุกร์ว่าจะดำเนินการกำกับดูแลโบอิงอย่างเข้มงวดต่อไป