จับแล้ว 3 หนุ่มรุมกระทืบสาวกาญจนดิษฐ์ อ้างไม่พอใจโพสต์เฟซบุ๊กท้าทายคนอื่นหลายครั้ง ไม่เกี่ยวกับเงินกู้
จากกรณีปรากฏข่าวทางสื่อออนไลน์แก๊งทวงหนี้โหด 3 หนุ่มดักกระทืบหญิงสาว โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 8 ก.ย.67 เวลาประมาณ 17.20 น. น.ส.น้ำวน ตรีสาร มาแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.กาญจนดิษฐ์ ว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.30 น. ขณะที่ขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปหลังบ้านของตน เลขที่ 22/20 หมู่ที่ 3 ต.กะแดะ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ได้มีรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า ยาริส สีดำ หมายเลขทะเบียน กท 9874 กระบี่ ขับขี่ตามหลัง และขับปาดหน้าให้หยุดรถ ต่อมามีชายทั้งหมด 3 คน ลงมาจากรถ และเข้ามารุมทำร้าย น.ส.น้ำวนจนได้รับบาดเจ็บ
ต่อมาวันที่ 12 ก.ย.67 ได้ปรากฏข่าวทางสื่อออนไลน์ กรณีการทวงหนี้ทำร้ายร่างกาย โดยได้เชิญ น.ส.น้ำวน ตรีสาร ผู้เสียหาย และ น.ส.ณัฏฐนันท์ (ขอสงวนนามสกุล) คู่กรณีมาสอบปากคำที่สภ.กาญจยดิษฐ์
จากการสอบสวน น.ส.ณัฏฐนันท์ ทราบว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ย.66 น.ส.น้ำวนได้กู้ยืมเงินจาก น.ส.ณัฏฐนันท์ จำนวนเงิน 12,000 บาท และน.ส.น้ำวน ได้จ่ายเงินบางส่วนแล้ว คงเหลือเงินที่ค้างจำนวน 7,100 บาท และไม่ได้จ่ายเงินที่เหลือตรงตามกำหนดเวลาที่ได้ตกลงกันไว้ จนกระทั่ง น.ส.น้ำวนถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ 3 คน ทำร้าย จึงเชื่อว่าเกิดจากการมีปากเสียงกับน.ส.ณัฏฐนันท์ แต่น.ส.ณัฏฐนันท์ให้การปฏิเสธไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่ น.ส.น้ำวน ถูกทำร้ายแต่อย่างใด พนักงานสอบสวน สภ.กาญจนดิษฐ์ จึงได้ดำเนินคดีกับน.ส.ณัฏฐนันท์ ในข้อหาให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินโดยมีลักษณะเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้และประกอบธุรกิจสินเชื่อ ส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งน.ส.ณัฏฐนันท์ ให้การปฏิเสธ ตลอดข้อกล่าวหา
ด้าน พล.ต.ต. เสริมพันธุ์ ศิริคง ผบก.ภ.จว.สุราษฎร์ธานี ได้กำชับให้ผู้กำกับการ สถานีตำรวจภูธรกาญจนดิษฐ์ ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทุกราย และให้รวบรวมพยานหลักฐานด้วยความรวดเร็วรอบคอบ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กาญจนดิษฐ์ ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนทราบว่า ผู้ก่อเหตุทำร้าย น.ส.น้ำวน จนได้รับบาดเจ็บ 3 คน ทราบชื่อคือนายเอกสิทธิ์ นายมนตรี และ นายวัชรินทร์ จึงได้เชิญตัวมาพบพนักงานสอบสวน จากการสอบสวน ผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คน ได้ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุร่วมกันทำร้ายร่างกาย น.ส.น้ำวน จนได้รับบาดเจ็บจริง โดยสาเหตุเกิดจากความไม่พอใจที่ น.ส.น้ำวน ได้มีการโพสต์ท้าทายผู้อื่นผ่านทางเฟซบุ๊กอยู่บ่อยครั้ง จึงได้ก่อเหตุดังกล่าวเพื่อจะตักเตือนเท่านั้น พนักงานสอบสวนจึงได้ผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คนดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย หรือจิตใจ ต่อไป