"กาสิโน"ถูกกฎหมายทางรอดประเทศไทยจริงหรือ "กรวีร์" อยากให้รัฐบาลเป็นคนทำ ขณะที่ ส.ส.พรรคประชาชนยันคนคลองเตยไม่เอา
เมื่อวันที่ 13 ก.ย.67 ที่ห้องบุษบงกช เอ ชั้น 2 โรงแรมยอรัล ริเวอร์ บางพลัด กทม. มูลนิธิสื่อเพื่อสุขภาวะ (มสส.) ร่วมกับ เครือข่ายสื่อมวลชนขับเคลื่อนสุขภาวะเพื่อสังคมไทยยั่งยืน (สสสย.) จัดประชุม โฟกัส กรุ๊ป "กาสิโนถูกกฎหมาย...ทางรอดประเทศไทยจริงหรือ?” โดยมีวิทยากรเข้าร่วมเวสวนา ประกอบด้วย นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย นายภัณฑิล น่วมเจิม ส.ส.กทม. พรรคประชาชน ดร.มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารและรองประธานด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ และ นายศักดา แซ่เอียว (เซีย ไทยรัฐ) ประธาน สสสย. โดยมี นายจิระ ห้องสำเริง สื่อมวลชนอาวุโส เป็นผู้ดำเนินรายการ
นายอภิวัชร์ เกตุทัต ประธาน มสส. กล่าวว่า ในการแถลงนโยบบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาเมื่อวานนี้ (12) มี 2 นโยบายจาก 10 นโยบายเร่งด่วนที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แถลงไว้ โดยเฉพาะนโยบายข้อที่ 4 ว่าด้วยเศรษฐกิจนอกระบบที่จะต้องนำธุรกิจบนดินขึ้นมาไว้บนดิน ทำให้เข้ามาอยู่ในระบบภาษี และนโยบายข้อที่ 7 ว่าด้วยการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยว โดยการสร้างแหล่งท่องเที่ยว เช่น เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ขึ้นมา ซึ่งทั้ง 2 ข้อเกี่ยวพันกับบ่อนกาสิโน ซึ่งมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย หลายคนอาจมีข้อสงสัยว่าสิ่งนี้จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและดึงดูนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย เพื่อนำไปสู่การสร้างรายได้เข้าประเทศได้จริงหรือ เนื่องจากอาจเกิดผลกระทบต่อเนื่องตามมาต่อประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาระหนี้สิน ความสัมพันธ์ในครอบครัว, ปัญหาการฆ่าตัวตาย รวมปัญหาคอร์รัปชั่นของเจ้าหน้าที่รัฐ และปัญหาการฟอกเงิน ดังนั้น การจะทำให้สิ่งนี้เป็นเรื่องถูกฎหมาย ผู้เกี่ยวข้องต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ รับฟังทุกเสียงจากสังคมให้มากกว่านี้
"มีคำถามตามมาว่า ถ้ามีหรือไม่มีบ่อนกาสิโน เศรษฐกิจไทยจะอยู่รอดหรือไม่รอดอย่างนั้นหรือ ประเด็นคือทำอย่างไรจึงสร้างความสมดุลระหว่างปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาทางสังคม รวมถึงรัฐบาลจะรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเรื่องนี้ได้อย่างไร การจัดงานนี้ เกิดจากความร่วมมือระหว่าง มสส. กับ สสสย. ที่ต่างมีบทบาทในการส่งเสริมให้ข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับสุขภาวะของสังคมไทย จึงคาดหวังจะเห็นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะนักการเมืองที่จะมีบทบาทในการถ่วงดุล เพื่อลดปัญหาความไม่เหมาะสมต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาล" ประธาน มสส. กล่าว
ด้าน นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า การนำสิ่งที่อยู่ใต้ดินขึ้นมาบนดิน และทำให้ถูกกฎหมายเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งนโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอลเพล็กซ์ ก็มีเรื่องกาสิโนรวมอยู่ในนั้นด้วย ปัญหาคือใครจะเป็นผู้ให้สัมปทาน ผลประโยชน์ที่รัฐบาลจะได้มันคุ้มค่าหรือไม่ การจะมองเพียงรายได้เพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ จะต้องมองถึงผลเสียด้วย โดยเฉพาะผลกระทบทางสังคมที่จะมีตามมาหากรัฐบาลควบคุมไม่ได้ ทั้งนี้ ส่วนตัวคิดว่ารัฐบาลควรเป็นเจ้าภาพทำในเรื่องนี้
นายกรวีร์ กล่าวว่า การมีกาสิโน คนไทยจะเป็นคนจ่ายค่าความเสียหายทางสังคม ขณะที่คนได้ประโยชน์คือคนทำธุรกิจ ส่วนตัวผมไม่อยากเห็นผลประโยชน์ไปตกอยู่กับกลุ่มนายทุน จึงอยากให้รัฐบาลเป็นคนทำในเรื่องนี้ เท่าที่ตนได้เห็นร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์) ยังรู้สึกไม่เห็นด้วย เพราะเนื้อหาส่วนใหญ่พุ่งเป้าไปที่การมีกาสิโน ขณะที่การกำหนดเงื่อนไขทั้งในส่วนของกลุ่มทุนที่สนใจจะเข้าลงทุนและการกำหนดคุณสมบัติของคนไทยที่จะเข้าไปเล่นพนันยังมีความไม่เหมาะสม ทั้งนี้ ตนอยากให้รัฐบาลแก้ไขกฎหมายเก่าที่มีอยู่ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.การพนัน พ.ศ. 2478 ที่อยู่ในความดูแลของกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ครอบคลุมธุรกิจพนันรูปแบบใหม่ๆ ในปัจจุบันด้วย
ส่วน นายกัณฑิล น่วมเจิม ส.ส.กทม. พรรคประชาชน กล่าวว่า ตนเห็นด้วยการนำธุรกิจใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดิน เพื่อที่รัฐบาลจะมีรายได้เข้ามาเสริมกับการจัดเก็บรายได้ภาษีที่ปีนี้ยังจัดเก็บได้ต่ำกว่าเป้าราว 2-3% ซึ่งการมีมาตรการสร้างแรงจูงใจเพื่อให้ธุรกิจใต้ดินขึ้นมาอยู่บนดินนั้น รัฐบาลจะต้องทำประชามติรับฟังเสียงจากประชาชน เนื่องจากสิ่งนี้จะมีผลกระทบตามมา ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ไม่เว้นแม้กระทั่ง ผลกระทบทางด้านสิ่งแวดล้อม หลายคนเชื่อว่าสิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้ แต่การจะเห็นผลได้ชัดนั้น จะเกิดขึ้นต่อเมื่อมีนักท่องเที่ยวมาเมืองไทยเพื่อการนี้เป็นการเฉพาะ สำหรับนโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์นั้น ตนเห็นว่ารัฐบาลยังขาดความชัดเจนว่าจะเน้นอะไรมากกว่ากัน พรรคประชาชนไม่ได้คัดค้านนโยบายนี้ แต่เห็นว่ารัฐบาลควรจะลดสเปคการลงทุน รวมถึงกระจายการลงทุนไปยังพื้นที่รอบนอก ไม่ใช่มากระจุกตัวอยู่เฉพาะในเมืองหลวง ที่หากรวมกับนโยบายเช่าที่ดิน 99 ปีไปด้วยแล้ว ก็จะยิ่งสร้างปัญหาตามมา โดยเฉพาะราคาที่ดินที่จะแพงขึ้น เป็นการทำลายโอกาสการเป็นเจ้าของที่ดินของคนไทยได้ ทั้งนี้ ตนขอยืนยันว่า คนคลองเตยไม่มีใครเห็นด้วยกันเรื่องนี้ หากจะสร้างเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ในพื้นที่ท่าเรือคลองเตย เชื่อว่าจะมีปัญหาอย่างแน่นอน
ขณะที่ ดร.มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการยุทธศาสตร์และรองประธานด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า วงประชุมในวันนี้ ตนน่าจะมีประสบการณ์ตรงกับเรื่องบ่อนกาสิโนมากที่สุด เพราะในสมัยที่เป็นหัวหน้านักเรียนไทยในสหรัฐฯ โดยเฉพาะเมืองลาสเวกัส ซึ่งเป็นที่ตั้งบ่อนคาสิโนจำนวนมาก ตนมีหน้าที่คอยดูแลและติดตามนักเรียนไทยจากบ่อนกาสิโนให้กลับมาเข้าเรียน โดยมีนักเรียนไทยหลายคนที่เข้าไปเล่นพนันทั้งที่ยังขอเงินจากพ่อแม่ผู้ปกครอง หลายคนได้ขอเกินวงเงินที่ใช้จ่ายจริง เนื่องจากต้องนำไปเล่นพนันในกาสิโน หลายคนเรียนไม่จบ บางคนต้องเลิกเรียนและย้ายเมืองหนีไป นโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จึงเป็นจึงเป็นดาบสองคม ที่จะส่งผลเสียต่อสังคมไทย เนื่องจากผู้ลงทุนต้องหวังผลกำไรและส่งรายได้กลับประเทศตัวเอง ขณะที่ผู้เล่นซึ่งส่วนใหญ่ก็คือคนไทยจะเป็นคนจ่ายเงินให้กับธุรกิจนี้ จึงมีคำถามตามมาว่า ที่สุดรัฐบาลคาดหวังจะเติมเงินในกระเป๋าให้กับคนไทย หรือต้องการจะดูดเงินออกจากกระเป๋าคนไทยกันแน่
"มันไม่ต่างจากนโยบายอบายมุขเสรี คำถามคือ คนไทยจะร่ำรวยได้จากนโยบายอย่างนี้จริงหรือ ดร.มล.กรกสิวัฒน์ ระบุและว่า หากรัฐบาลตั้งเชื่อ พ.ร.บ.ฉบับนี้ให้ตรงกับภารกิจ เชื่อว่าจะช่วยให้การตอบคำถามสังคมทำได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ จากที่ตนได้อ่านกฎหมายแม่ทั้ง 69 มาตรา เห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่กับกฎหมายลูกดูแล้วน่าจะกังวลใจมากกว่า เนื่องจากยังมีช่องโหว่หลายเรื่อง และการศึกษาที่รัฐบาลทำไว้ก็ยังทำได้ไม่ครบ แม้รัฐบาลจะอ้างว่ามีการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาดูแลและวางเงื่อนไขในการเข้าไปเล่นพนัน แต่มันจะได้คุ้มเสียหรือไม่ เพราะแม้เมืองลาสเวกัสจะเลือกพื้นที่ทะเลทรายเป็นที่ตั้งบ่อนกาสิโน ดูแล้วเหมือนจะได้ประโยชน์ แต่ก็ยังมีข้อเสีย นั่นคือ เกิดปัญหาการก่ออาชญากรรม มีการปล้น วิ่งราว ทะเลาะวิวาท ตามมา
ขณะที่ นายศักดา แซ่เอียว (เซีย ไทยรัฐ) ประธาน สสสย. กล่าวว่า เรื่องกาสิโนคงไม่มีใครมองเห็นภาพอนาคตได้ดีเท่ากับนักการเมืองบางคนย่านเตาปูน ดังนั้น เมื่อรัฐบาลจำเป็นต้องสร้างโครงการขึ้นมาเพื่อหารายได้มาใช้จ่ายในการบริหารประเทศ โดยเฉพาะเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ก็ควรจะทำให้มันจบในสภาผู้แทนราษฎร ดึงเอาความร่วมมือของ ส.ส.มาร่วมพิจารณาว่าจะเอาหรือไม่? ส่วนตัวมองว่าเมืองไทยจำเป็นจะต้องมีแลนด์มาร์กแห่งใหม่ นอกเหนือจากพระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้วที่มีอยู่ โดยการต่อยอดในสิ่งที่มีอยู่ ซึ่งคงไม่ต่างจากนโยบายซอฟท์ พาวเวอร์ ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงเม็ดเงินเข้ามาในประเทศ ทั้งนี้ ในส่วนของคาสิโนอาจต้องศึกษาในสิ่งที่รัฐบาลสิงคโปร์และญี่ปุ่นได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้ โดยหากรัฐบาลตัดสินใจเดินหน้าต่อ ส่วนตัวเชื่อว่าก็น่าจะทำได้ ไม่ต่างจากการสร้างสนามบินสุวรรณภูมิที่ต้องเวลานานถึง 40 ปี
ในช่วงที่ 2, วิทยากรได้สรุปมุมมองเอาไว้อย่างน่าสนใจ เริ่มจาก นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง ที่ระบุว่า เท่าที่ตนฟังเพื่อนวิทยากรไม่มีใครคัดค้านเรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แต่หากจะมีควรกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ที่มีความพร้อมและต้องการจริง ไม่ใช่แค่เกิดขึ้นเฉพาะในกรุงเทพฯ หรือ จ.ชลบุรี และควรลดไซส์การลงทุนให้เล็กลง ที่สำคัญ รัฐบาลควรเป็นเจ้ามือเอง โดยศึกษาบทเรียนที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลออกสลากกินแบ่ง ซึ่งคนไทยเชื่อมั่นในความเป็นเจ้ามือของหน่วยงานรัฐแห่งนี้ ขณะที่ นายกัณฑิล น่วมเจิม ระบุว่า การเดินหน้าจัดทำโครงการเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ จะต้องไม่มีการตีเช็คเปล่า ให้กับฝ่ายบริหาร เพราะอาจกลายเป็นเปิดโอกาสให้มีการทุจริตในโครงการหรือมีการกระทำที่ไม่เหมาะสมได้ โดยหากเมืองไทยจะมีกาสิโน ต้องเป็นแบบที่สิงคโปร์มี ไม่ใช่แบบพม่าหรือกัมพูชา
ส่วน ดร.มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กล่าวเสริมว่า หากจำเป็นจะต้องมีเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ รัฐบาลควรเปิดให้มีการประมูลของกลุ่มทุนเพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมและสร้างรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงควรลดขนาดลงทุนให้เหมาะสม ที่สำคัญจะต้องไม่มีการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ ส่วน นายศักดา แซ่เอียว ย้ำว่า ตนเห็นด้วยกับการสร้างรายได้จากเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แต่รัฐบาลต้องคำนึงถึงคุณภาพชีวิตของประชาชน รวมถึงติดตามผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาด้วย
ในส่วนของการแสดงความเห็นของสื่อมวลชนที่เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้ มีประเด็นที่น่าสนใจ โดยเฉพาะมุมมองของ นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ สื่ออาวุโสและผู้ดำเนินการข่าวเข้มประเด็นข้น เอฟเอ็ม 96.5 อสมท. กล่าวว่า ผู้ฟังรายการของตน มีทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย หลายคนได้สะท้อนความเห็นในเรื่องนี้มากมาย ส่วนตัวมี 2 ประเด็นที่จะนำเสนอ คือ 1.การมีส่วนร่วมของสังคมไทยต่อนโยบายสาธารณะที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและสังคม และ 2.ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมา ทั้งนี้ จากที่ตนได้ศึกษาสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศเพื่อนบ้านของไทย โดยเฉพาะที่กัมพูชา พบว่ามีอาชีพใหม่เกิดขึ้นจากคาสิโน นั่นคือ การปล่อยเงินกู้ให้กับนักพนัน โดยหากมีกำไรจะต้องนำมาแบ่งกัน แต่หากเสียพนัน ผู้กู้จะต้องรับภาระการชำระคืนในภายหลัง ซึ่งรัฐบาลควรศึกษาทั้ง 2 ประเด็นนี้ให้ดี