"จุลพันธ์" แจง ส.ว. มั่นใจจัดเก็บรายได้ไม่พลาดเป้า

2024-09-09 16:40:52

 "จุลพันธ์" แจง ส.ว. มั่นใจจัดเก็บรายได้ไม่พลาดเป้า

Advertisement

 "จุลพันธ์" แจง ส.ว. มั่นใจปี 68 จัดเก็บรายได้ไม่พลาดเป้า  หนี้สาธารณะยังเอาอยู่ ยันเดินหน้า "ดิจิทัลวอลเล็ต" 

เมื่อวันที่ 9ก.ย.67 ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ที่สภาผู้แทนราษฎรลงมติให้ความเห็นชอบ

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ชี้แจงต่อที่ประชุมฯกรณีการขาดดุลงบประมาณ และการจัดเก็บรายได้ที่ลดลงในช่วง 14 ปีที่ผ่านมาว่า หน่วยงานที่รับผิดชอบเตรียมปรับปรุงแผนงานการจัดเก็บรายได้ให้มีประสิทธิภาพ คาดหวังว่าในอนาคตจะสามารถดึงคนเข้าสู่ระบบฐานภาษี เพื่อมีงบประมาณเพียงพอในการบริหารประเทศ เช่น ปี2567 จัดเก็บพลาดเป้า ของกรมสรรพสามิตหลายหมื่นล้านหลังมีนโยบายราคาพลังงาน แต่อีก1เดือนก่อนที่จะหมดปีงบประมาณมั่นใจว่าภาพรวมจะไม่พลาดเป้า และปี 2568 เชื่อมั่นด้วยประสิทธิภาพของกระทรวงการคลังในการดำเนินการจัดเก็บรายได้จะสามารถทำได้ตามเป้าหมาย ส่วนการขาดดุลงบประมาณ ยืนยันว่าประเทศไทยที่กำลังพัฒนายังจำเป็นต้องทำงบประมาณแบบขาดดุลทางการคลังไปก่อนในระยะสั้นจนกว่าเศรษฐกิจจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างมีเสถียรภาพ และขยับเข้าสู่การทำงบประมาณแบบสมดุลย์ในระยะต่อไป โดยมีแผนการจัดทำงบประมาณให้ขาดดุลลดลงตั้งแต่ปี 2571 เหลือร้อยละ 3.1 และชี้แจงว่าการกู้เงิน หนี้สาธารณะยังอยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ที่เพียงพอ ซึ่งกรอบวินัยการเงินการคลังอยู่ที่ร้อยละ 70 โดยงบประมาณปี 2566 อยู่ที่ร้อยละ 63

รมช.คลัง กล่าวต่อว่า ขณะที่รายจ่ายประจำที่สูงขึ้นเรื่อยๆ รัฐบาลมีแผนลดกำลังพลและใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เข้ามาช่วยเหลือ เช่น โครงการดิจิทัลวอลเล็ตใช้แอพทางรัฐ ที่จะสามารถให้บริการประชาชนได้หลายมิติ นอกจากทำดิจิทัลวอลเล็ตซึ่งในอนาคตสามารถลดกำลังพลที่จำเป็นต้องใช้ในแต่ละภาคส่วนตามลำดับ ซึ่งการปฏิรูประบบราชการก็เป็นแหล่งนโยบายของรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่จะแถลงต่อรัฐสภา

"ยืนยันว่าการแถลงนโยบายวันที่12ก.ย.นี้ จะได้พูดคุยในรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ขอย้ำว่าโครงการนี้ยังอยู่ แต่รัฐบาลมีความจำเป็นที่ต้องปรับเปลี่ยนงบประมาณบางส่วนเพื่อไปช่วยในกลุ่มเปราะบาง และเป็นการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจเฉพาะหน้าให้เกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด และการโยกงบธนาคารรัฐวิสาหกิจ 5 แห่ง ยังคงเป็นไปตามวินัยการเงินการคลัง แต่การปรับเปลี่ยนบางส่วนเป็นความพร้อมใจของหน่วยงานเพื่อให้รัฐบาลสามารถนำเม็ดเงินไปทำนโยบายอื่นในการกระตุ้นเศรษฐกิจ บางส่วนก็จะเปลี่ยนแต่ในโครงการที่จะต้องทำโครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัลยังอยู่ และยังคงเดินหน้า" นายจุลพันธ์ กล่าว