วันที่ 5 กันยายน 2567 มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จัดพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับบริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ - ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ด้านรถยนต์พลังงานทางเลือกและนวัตกรรม โดยมี ภราดา ดร. ศิริชัย ฟอนซีกา, อธิการบดีมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และ มร. ซู๋ว์ หยิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ - ซีพี จำกัด, พร้อมด้วย คุณนันทนัช หลาวประเสริฐ, กรรมการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เข้าร่วมในพิธีครั้งนี้ ณ มหาวิหารการเรียนรู้มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ, วิทยาเขตสุวรรณภูมิ
ภายในงาน มีการกล่าวสุนทรพจน์ เกี่ยวกับอนาคตของการศึกษาด้านยานยนต์พลังงานทางเลือกและนวัตกรรม โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการร่วมมือเพื่อการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะใหม่ มุ่งเน้นการสร้างโอกาสในการพัฒนาด้านการศึกษาและวิชาชีพในภาคส่วนยานยนต์พลังงานทางเลือก โดยผสานประสบการณ์จริงจากอุตสาหกรรมเข้ากับการเรียนรู้ทางวิชาการ ซึ่งจะช่วยให้นักศึกษามีโอกาสเข้าถึงแนวคิดการศึกษาล้ำสมัยและวัฒนธรรมองค์กรจากประเทศจีน ช่วยขยายมุมมองระหว่างประเทศและเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขัน
นอกจากนี้ ยังสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการพัฒนาอาชีพในอนาคต เพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดงานโลก โดยถือเป็นการเตรียมตัวของนักศึกษาให้พร้อมสำหรับความท้าทายในอนาคตภายในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว รวมถึงยังมีการกล่าวถึง ศูนย์วิศวกรรมศาสตร์นวัตกรรมพลังงานทางเลือก ที่คาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนานักศึกษาที่มีศักยภาพสูงและนวัตกรรมรุ่นต่อไปที่สอดคล้องกับเป้าหมายความยั่งยืนระดับโลกอีกด้วย
สำหรับสาระสำคัญอื่น ๆ ที่มีการพูดถึงในกล่าวสุนทรพจน์ เกี่ยวกับอนาคตของการศึกษาด้านยานยนต์พลังงานทางเลือกและนวัตกรรม ได้แก่
1. โครงการสร้างศักยภาพบุคลากร ความร่วมมือนี้มุ่งเสริมสร้างโครงการพัฒนาบุคลากรระหว่างประเทศไทย-จีนในภาคพลังงานใหม่ ซึ่งเน้นความมุ่งมั่นในการพัฒนาผู้เชี่ยวชาญที่สามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาเศรษฐกิจโลก
2. การบูรณาการทรัพยากร: การร่วมมือกันครั้งนี้ เป็นความร่วมมือจากทั้งมหาวิทยาลัยและภาคอุตสาหกรรม ผสานเทคโนโลยีขั้นสูงและประสบการณ์จากภาคอุตสาหกรรมเข้ากับการสอนทฤษฎีของมหาวิทยาลัยเพื่อผลิตบัณฑิตที่มีความสามารถระดับสูงและมีจิตวิญญาณนวัตกรรมและการสร้างผู้ประกอบการอย่างมืออาชีพ
3. ความร่วมมือทางการศึกษาและองค์กร : สำหรับนักศึกษา ความริเริ่มนี้เสนอการเผยแพร่แนวคิดการศึกษาและวัฒนธรรมองค์กรชั้นนำจากจีน ซึ่งมุ่งขยายมุมมองระหว่างประเทศและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดงานโลก
4. แหล่งที่มาของบุคลากรที่มีคุณภาพ : การร่วมมือนี้จะทำให้ภาคอุตสาหกรรมเข้าถึงกลุ่มบุคลากรจากมหาวิทยาลัย ความมีชีวิตชีวาและความคิดสร้างสรรค์ของนักศึกษาถือเป็นทรัพย์สินที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาและนวัตกรรมภายในองค์กร
5. โปรแกรมการฝึกอบรมที่ปรับเข้ากับบุคคล : ผ่านความร่วมมืออย่างใกล้ชิด ภาคอุตสาหกรรมสามารถออกแบบโปรแกรมการฝึกอบรมที่ตอบสนองความต้องการและศักยภาพของนักศึกษาได้ดียิ่งขึ้น เพื่อส่งเสริมการเติบโตร่วมกันของทั้งบุคลากรและองค์กร
6. การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ : โครงการนี้ยังเป็นแพลตฟอร์มสำหรับส่งเสริมการแลกเปลี่ยนที่เป็นมิตรระหว่างประเทศไทยและจีน ส่งเสริมการพัฒนาทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม
7. ผลที่คาดว่าจะได้รับทางการศึกษาในระยะยาว : ความริเริ่มนี้คาดว่าจะมีผลตอบรับที่สำคัญต่อการพัฒนานักศึกษา โดยถือเป็นการเตรียมตัวของนักศึกษาให้พร้อมสำหรับความท้าทายในอนาคตภายในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เป็นมหาวิทยาลัยนานาชาติแห่งแรกของประเทศไทย มีความมุ่งมั่นในการเป็นเลิศทางวิชาการ โดยเปิดสอนทั้งหลักสูตรปริญญาตรีและบัณฑิตศึกษาในหลากหลายสาขาวิชา ออกแบบมาเพื่อส่งเสริมการพัฒนาทางด้านสติปัญญาและวิชาชีพของนักศึกษา ผู้ที่ต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความร่วมมือ หรือการจัดการสัมภาษณ์ กรุณาติดต่อสำนักงานบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ คุณรังสรรค์ อีเมล : rangsantrb@au.edu โทร : 02-300-4543-62 ต่อ 1345, 081-375-1555