"วาโย" หวั่น พ.ร.ฎ.จริยธรรมการวิจัย ไม่ต่างกองเซ็นเซอร์ กระทบเสรีภาพทางวิชาการ จ่อถกฝ่ายเกี่ยวข้องใน กมธ.อว. 12 ก.ย.
เมื่อวันที่ 30 ส.ค.67 นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรีรักษาการออกพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยหลักเกณฑ์การวิจัยและข้อกำหนดจริยธรรมการวิจัยซึ่งมีปัญหากับหลักศาสนา วัฒนธรรม จารีต ประเพณี หรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ทำให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าเป็นกฎหมายที่จำกัดเสรีภาพทางวิชาการ เนื่องจากกำหนดให้งานวิจัยที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับหลักศาสนา วัฒนธรรม จารีต ประเพณี ต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการที่ระบุว่าเป็นผู้ทรงคุณวุฒิอย่างสูงด้านจริยธรรมการวิจัย
นพ.วาโย กล่าวต่อว่า การออกกฏหมายแบบนี้เป็นเรื่องน่ากังวล โดยเฉพาะการใช้คำว่า ข้อกำหนดจริยธรรม ซึ่งเป็นเรื่องนามธรรมและแต่ละคนมีมุมมองแตกต่างกัน หรือการระบุว่าประธานคณะกรรมการพิจารณางานวิจัย ต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิอย่างสูงด้านจริยธรรมการวิจัย ไม่ทราบว่าวัดหรือคัดเลือกกันอย่างไร ในขณะที่งานวิชาการเป็นเรื่องของเสรีภาพทางความคิด กฎหมายนี้จึงไม่ต่างจากการมีกองเซ็นเซอร์ จะยิ่งทำให้งานทางวิชาการของไทย ซึ่งเดิมทีถูกกำกับควบคุมอยู่แล้ว ยิ่งทำงานยากลำบากขึ้นอีก ดังนั้น ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม สภาผู้แทนราษฎร ตนได้นำเรื่องนี้บรรจุเป็นวาระในการประชุม กมธ. ในวันที่ 12 กันยายน 2567 โดยเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมพิจารณา อาทิ สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รวมถึงมหาวิทยาลัยต่างๆ โดยจะหารือถึงข้อกังวลของทุกฝ่ายและมีข้อเสนอถึงรัฐบาลต่อไป