"ชัยชนะ" ป้อง "ชวน-จุรินทร์-บัญญัติ" เป็นไม้บรรทัดเหล็ก

2024-08-29 11:13:10

"ชัยชนะ" ป้อง "ชวน-จุรินทร์-บัญญัติ" เป็นไม้บรรทัดเหล็ก

Advertisement

"ชัยชนะ"สวน "ก่อแก้ว" ศึกษาก่อนวิจารณ์ป้อง "ชวน-จุรินทร์-บัญญัติ" เป็นไม้บรรทัดเหล็ก เที่ยงตรงในการทำงาน

เมื่อ วันที่ 29 ส.ค. 67 ที่รัฐสภา นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์กรณีนายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ออกมาระบุว่า 3 คนในพรรคประชาธิปัตย์คือ นายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เป็นไม้แก่ดัดยาก ว่า จริงๆแล้วตอนสัมภาษณ์แรก ๆนายก่อแก้วก็พูดดี โดยระบุว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นยุคพลัดใบ มีการทำงานบูรณาการรูปแบบใหม่ แต่การจะมาพาดพิงบุคคลในพรรคประชาธิปัตย์เป็นสิ่งไม่ถูกต้อง การจะบอกว่ามีมารยาทในการร่วมรัฐบาลกัน คือเราต้องไม่วิจารณ์กัน เพราะทั้ง 3 คน เป็นคนที่พรรคประชาธิปัตย์ให้ความเคารพ และที่บอกว่าเป็นไม้แก่ดัดยากนั้น จริงๆทั้ง 3 คนเป็นไม้บรรทัดเหล็ก ที่มีความเที่ยงตรงในการทำงาน อยู่ตลอดเวลา ฉะนั้น จึงอยากฝากบอกนายก่อแก้วว่าการจะมาวิพากษ์วิจารณ์ ถึงบุคคลภายในพรรคการเมืองอื่น ต้องทบทวนและรู้จักมารยาทก่อน รวมถึงต้องศึกษาบุคคลเหล่านั้นให้ดีก่อน ก่อนที่จะมาวิพากษ์วิจารณ์

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเป็นผลกระทบต่อการทำงานพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์ในอนาคตหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ตนมองว่าไม่เป็นปัญหา แต่เมื่อเขาเทียบเชิญมา เราก็จะมีการประชุมวันนี้ ฉะนั้น การที่จะอยู่ด้วยกัน ต้องทำความเข้าใจกัน และต้องยอมรับพรรคประชาธิปัตย์เรามีหลากหลายความเห็น เมื่อมีมติออกมาเช่นไรเราก็ยึดมติของพรรคเป็นหลัก และตนคิดว่าการทำงานร่วมกันในวันข้างหน้าไม่ยาก แต่วันนี้ต้องทำความเข้าใจกันในบางส่วนที่ยังไม่เข้าใจกัน

ต่อข้อถามว่าจะทำความเข้าใจกับคนที่เห็นต่างอย่างไรบ้าง นายชัยชนะ กล่าวว่า ตนคิดว่าสิ่งที่พิสูจน์ได้ในอนาคต สิ่งที่สำคัญเหนือคำพูดคือการกระทำ และบุคคลที่จะเห็นด้วยในการร่วมรัฐบาลก็จะไม่ค่อยออกมาพูดอะไรมาก เพราะคิดว่าสิ่งที่เดินหน้าไปข้างหน้า และประเทศต้องเดินหน้าไปด้วยปราศจากความขัดแย้ง เพราะทุกฝ่าย ก็เรียกร้องว่าประเทศต้องหมดความขัดแย้ง ซึ่งหากเรายังยึดติด ยืนอยู่กับความขัดแย้งในอดีตในอดีต ประเทศก็จะเดินหน้าไม่ได้  ผมคิดว่าวันนี้อย่าพูดเรื่องสีเสื้อเลยว่าสีนั้นผสมกับสีนี้ สีนี้ผสมกับสีนั้น วันที่คุณผสมกันเองเรายังไม่พูด แต่วันนี้เมื่อประชาธิปัตย์ได้รับการเทียบเชิญ และจะมีการถามมติ กลับมาบอกว่าประชาธิปัตย์มีปัญหาและลืมอุดมการณ์หรือไม่ ก่อนที่พรรคเพื่อไทยจะร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์นั้น ก็ร่วมกับพรรคการเมืองหนึ่งเหมือนกัน จัดตั้งกับพรรคการเมืองหนึ่งเหมือนกันทำไมถึงไม่พูด วันที่เลือกตั้งเสร็จวันแรก แล้วร่วมกับพรรคการเมืองไหน แต่จัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จหลังจากนั้นพรรคเพื่อไทยก็ร่วมกับพรรคการเมืองอื่น การจัดตั้งรัฐบาลไม่มีสูตรสำเร็จ เพราะต้องยอมรับว่าเมื่อผลการเลือกตั้งออกมาเช่นนั้น สูตรสำเร็จในการจัดตั้งรัฐบาลก็ไม่มี วันนี้ในฐานะที่ผมเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ ผมคิดว่าวันนี้เราต้องหันหน้าเข้าหากันและสร้างการเมืองแบบสร้างสรรค์ และเดินหน้าประเทศไทยที่มีความยั่งยืน

เมื่อถามว่าที่ประชุมพรรคในวันนี้จะสามารถลุล่วงไปได้ดีหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบได้ ต้องรอให้ถึงเวลาที่จะมีการประชุม และดูว่ามีการซักถามประเด็นอะไรหรือไม่ แต่ตนไม่สามารถตอบได้ว่าจะลุล่วงและเรียบร้อยไปได้ด้วยดีหรือไม่ เพราะการประชุมพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนก็ทราบดีอยู่แล้วว่า เราเป็นสถาบันไม่มีใครเป็นเจ้าของต้องมีหลากหลายความเห็น และความเห็นสุดท้ายก็ต้องจบด้วยการโหวต ย้อนกลับไปตอนร่วมรัฐบาลในปี 2562 วันนั้นก็มี 2 ความเห็นเหมือนกัน สุดท้ายก็มีการโหวตและเห็นว่าร่วมรัฐบาล บางคนโหวตไม่ร่วมรัฐบาลแต่เมื่อร่วมรัฐบาลก็เป็นรัฐมนตรี ก็เป็นปกติของพรรคประชาธิปัตย์

ต่อข้อถามว่า ตอนนี้มีการแบ่งเป็น 21 เสียงกับ 4 เสียง จะกำหนดอะไรหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า อย่าไปมองว่าประชาธิปัตย์มี 21 เสียง เรามี 25 เสียง ซึ่งการโหวตในพรรคอาจจะเห็นไม่ตามกัน แต่มติพรรคออกมาก็เห็นตรงกัน เช่น การโหวต น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ไปในทางเดียวกัน เราก็งดออกเสียงทั้งหมด ตนคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาเป็นพรรคที่คนเชื่อมั่นได้ ประเด็นแรกเราต้องมีความสามัคคี ความเป็นเอกภาพในพรรคก่อน ซึ่งในส่วนนี้จะสามารถเรียกความเชื่อมั่นได้ ตนก็เป็นหนึ่งคนที่อาจจะเห็นต่างกับหลายคนในบางครั้ง แต่เมื่อไหร่ที่มีคนมาตำหนิคนในพรรค ในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ตนก็เป็นหนึ่งคนที่ยอมรับไม่ได้ หากตำหนิและมีเหตุผลแล้ว นำเสนอเป็นข้อเท็จจริง ตนก็ยอมรับ หากคนไหนผิดเราก็ไม่ไปยกยอหรือเข้าข้างอยู่แล้ว แต่ใครที่ไม่ได้มีการกระทำความผิดแล้วมาตำหนิว่าบาป ตนรับไม่ได้ เมื่อถามถึงกรณีที่เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ที่ผ่านมา นายชวน หลีกภัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกมาระบุว่ามีการแสวงหาผลประโยชน์ภายในพรรคหมายถึงใคร นายชัยชนะ กล่าวว่า ขอไม่ให้ความเห็นในประเด็นนี้ ต้องไปถามจากนายชวนเอง เพราะท่านเองก็เป็นผู้ใหญ่ในพรรค

เมื่อถามว่าวันนี้จะมีการถกเถียงกันยาว และจะนำไปสู่การเกิดแรงกระเพื่อมรอบใหม่ในพรรคหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า หากจบเร็วไม่ใช่ประชาธิปัตย์ หากวันนี้จะมองว่าเรามีความขัดแย้งกับพรรคเพื่อไทย นั่นเป็นการต่อสู้กันในอดีต แต่วันนี้สถานการณ์การต่อสู้เปลี่ยนไปแล้ว ฉะนั้น ตนคิดว่านับหนึ่งประเทศไทย เดินหน้าต่อไป แล้วประเทศก็จะแข็งแรงเข้มแข็ง แต่สมมติวันนี้รัฐบาลนี้ บริหารแล้วใน 6 เดือน แก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้ ปัญหาปากท้องของประชาชนยังไม่ดี สุดท้ายแล้วประชาชนก็ให้คำตอบอยู่แล้ว นักการเมืองทุกคนไม่มีใครนอน นอนหลับวันนี้แล้วฝันว่าจะเป็นนั่นเป็นนี่ได้ สุดท้ายอยู่ในฉันทามติของประชาชน ว่าจะเลือกใครเข้ามาทำงาน ฉะนั้น คิดว่าผลงานในการทำงานรัฐบาลก็ต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าเศรษฐกิจ ที่กำลังขาลงอยู่สามารถแก้ไขได้จริงหรือไม่ สิ่งที่เคยให้คำมั่นสัญญากับประชาชนไว้ สามารถแก้ไขได้หรือไม่ วันนี้หากประชาธิปัตย์ร่วมรัฐบาลเราก็ต้องมีเงื่อนไขว่าต้องทำอะไรในนโยบายของเราได้บ้าง และอย่างหนึ่งที่ต้องเสนออยู่แล้วคือ การแก้ปัญหาสินค้าการเกษตร การพัฒนาภาคใต้

เมื่อถามว่า ในฐานะที่เป็นฝ่ายค้านได้บอกลาพรรคประชาชนแล้วหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า การเมืองไม่ใช่การจากลา วันนี้เป็นรัฐบาลพรุ่งนี้เป็นฝ่ายค้าน วันนี้เป็นฝ่ายค้านพรุ่งนี้เป็นรัฐบาล ตนคิดว่าทุกพรรคก็อยากเป็นรัฐบาลทั้งหมด หากพรรคไหนบอกว่าไม่เป็นรัฐบาล ทำไมตอนแรกจึง เร่งจัดตั้งมีการเสนอชื่อถึงสองครั้ง แต่วันนี้การเมืองต้องเอาข้อเท็จจริงมา ตนคิดว่าหากเราการเมืองสร้างสรรค์จริงๆ อย่าชิงความได้เปรียบ อย่าตีกิน ขอให้เอาความจริงมาพูดซึ่งกันและกัน

เมื่อถามว่าจะมีการประชุมถึงวาระเก้าอี้ของรัฐมนตรีเลยหรือไม่ นายชัยชนะ กล่าวว่า ในระเบียบวาระการประชุมมีครบ ซึ่งหากมติการร่วมรัฐบาลผ่าน ก็จะเสนอพิจารณาบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ส่วนกรณีที่ในโซเชียลมีการแซวว่า ปีที่แล้วนายชัยชนะยังไปที่โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 แต่รอบนี้มาร่วมรัฐบาลแล้ว นายชัยชนะกล่าวว่า ตนคิดว่าคนละบทบาทหน้าที่กัน ซึ่งในส่วนที่ตนเป็นประธาน คณะกรรมาธิการการตำรวจสภาผู้แทนราษฎร สิ่งไหนที่สังคมสงสัย เคลือบแคลน ตนก็ต้องไปหาข้อเท็จจริง วันนี้หากตนอยู่ร่วมรัฐบาลแล้ว หากรัฐบาลทำอะไรไม่ถูกต้อง ตนก็ต้องชี้แนะหรือแนะนำ ไม่ใช่การอยู่ร่วมรัฐบาลแล้ว จะตาบอด หูหนวก ฟังอะไรไม่ได้ สิ่งไหนผิดก็ต้องผิด สิ่งไหนถูกก็ต้องถูก หากพรรคประชาธิปัตย์ผิดพรรคเพื่อไทยก็สามารถแนะนำได้ อย่ามองว่าปีที่แล้ว ตนไปทำงานอีกแบบแล้ววันนี้มาร่วมรัฐบาล หากเป็นเช่นนั้นพรรคการเมืองบางพรรคเคยทำรัฐประหาร ปฏิวัติ แล้ววันนี้มาร่วมรัฐบาล ในครั้งก่อนทำไมจึงไม่ถาม