นายกรัฐมนตรีพบสภาหอการค้า สมาคมธนาคารไทย นักธุรกิจ รับฟังข้อเสนอด้านเศรษฐกิจ ลั่นรัฐบาลนี้จะทำงานใกล้ชิดภาคเอกชนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปพร้อมกัน
เมื่อวันที่ 23 ส.ค.67 หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, หอการค้าไทย-จีน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย ได้เข้าพบ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือ และเสนอแนะถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่อยากให้รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยส่งเสริมผลักดัน
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เป็นการรับฟังการแบ่งปันถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศ จากผู้ประกอบการภาคเอกชน เพื่อต้องการการพัฒนามากขึ้น จึงเปิดพื้นที่ให้ทุกคนเสนอแนะ แสดงความคิดเห็น และชี้ให้เห็นว่ากำลังเจอปัญหาอย่างไร และมีอะไรอยากจะแนะนำรัฐบาล เป็นพื้นที่แสดงความคิดเห็นที่เปิดกว้างสำหรับภาคเอกชน เพราะภาคเอกชนเป็นกลไกสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศขับเคลื่อนไปด้วยกันอย่างมั่นคงและยินดีที่จะรับฟังทุกท่าน
ทั้งนี้ ข้อเสนอของภาคเอกชน เช่น เรื่องกฏหมายที่บางฉบับใช้มาแล้วว 30 กว่าปีไม่เหมาะสมกับสภาพปัจจุบันก็พร้อมจะนำไปหารือ หาเจ้าภาพเพื่อแก้ไข ส่วนประเด็นที่หารือวันนี้ก็จะรับไปหาเจ้าภาพดูแลและจะประสานติดตามเรื่องอย่างใกล้ชิด
"ในยุคไทยรักไทย จะมีการพูดคุยในทุกอุตสาหกรรมและคุยทุกสัปดาห์ ซึ่งทำให้ได้รู้ปัญหา รู้ประเด็นของทุกอุตสาหกรรมจริงๆและช่วยเป็นประโยชน์ต่อการบริหารบ้านเมือง และต้องขอโอกาส และอาจขอรบกวนเวลาทุกท่านค่ะ"น.ส.แพทองธาร กล่าว
นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลนี้จะต้องทำงานกับใกล้ชิดกับภาคเอกชน เพราะเครื่องจักรที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจคือภาคเอกชน โดยข้อเสนอของภาคเอกชนในวันนี้ใกล้เคียงกับที่เราประเมินไว้ และมีการตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาเรื่องนี
นายพิชัย ชุณหวชิระ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลังกล่าวว่า ประเทศไทยทำการค้าขายกับจีนในระยะยาว ตัวเลขการส่งเสริมการลงทุนผ่านบีโอไอเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของรัฐบาลรักษาการจะมีการส่งเสริมการใช้ Local content เพื่อส่งออกสินค้าไทยไปตลาดโลกให้เพิ่มขึ้น ส่วนข้อเสนอการปรับเพิ่มการใช้สินค้า Made in Thailand ในการจัดซื้อจัดจ้างเพิ่มขึ้นจะรับไปพิจารณา โดยจะต้องดำเนินการแบบรักษาสมดุลการค้าการลงทุนระหว่างกันกับประเทศคู่ค้า เพื่อไม่ให้เป็นการกีดกันทางการค้า ส่วนปัญหาสินค้าจากจีนที่ทะลักเข้าไทย เป็นปัญหาที่รัฐบาลมองเห็น และต้องดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ โดยอาจต้องรักษาสมดุลการค้าการลงทุนของไทยและจีน รวมถึงประเทศคู่ค้าอื่นๆ
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า การทะลักเข้ามาของสินค้าจีนที่กระทบผู้ประกอบการไทย จะมีมาตรการดูแลอย่างรอบด้านเพื่อให้การค้าขายของไทยและจีนสามารถทำการค้าขายได้ในระยะยาว ในช่วงรัฐบาลที่นำโดยนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ดำเนินการผ่านหน่วยงานมาตรฐานของรัฐ เช่น กรมศุลกากร ตรวจเข้มการสินค้านำเข้า หน่วยงาน มอก. หรือ อย.ตรวจมาตรฐานสินค้า ถึงโกดังและตรวจจับสินค้าได้เพิ่มขึ้น ถือเป็นหนึ่งในเป็นกลไกปกป้องเอกชนคนไทย รวมถึงการเชื่อมต่อข้อมูลการผลิตสินค้าจากจีนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ ซึ่งระบบดังกล่าวจะแล้วเสร็จช่วงปีหน้า พร้อมกับการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งผ่านการเชื่อมต่อระบบการคมนาคม ทั้งทางถนน ทางราง และทางอากาศ
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ กล่าวว่า การสร้างความเชื่อมั่น มีความสำคัญที่จะเดินหน้าทางเศรษฐกิจเต็มตัวเพื่อทำให้ทุกคนได้รับประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นใครรุ่นไหน กลุ่มไหน เราต้องเน้นเรื่องการส่งเสริมศักยภาพและพัฒนาทักษะ อัพสกิล รีสกิล ทักษะความคิดสร้างสรรค์ด้านศิลปะ ภาพยนตร์ ฯลฯ เรื่องอาหาร และสุขภาพ เป็นเรื่องใหญ่ที่จะทำต่อ พร้อมกันนี้ ยังสนับสนุนนายกรัฐมนตรีในการประชุมหารือกับภาคเอกชนในแต่ละอุตสาหกรรมทุกสัปดาห์ เหมือนที่สมัยไทยรักไทยเป็นรัฐบาล
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวถึงข้อเสนอทางเศรษฐกิจเร่งด่วนของหอการค้าไทย ต่อนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยระดมความคิดเห็นจากเครือข่ายเอกชนทั่วประเทศใน 3 เรื่องเร่งด่วน ได้แก่ 1.การสร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ โดยในระยะสั้น ได้แก่ การกระจายงบประมาณ, การกระตุ้นเศรษฐกิจไปยังประชาชน 3. กลุ่ม ทั้งกลุ่มเปราะบาง กลุ่มที่ยังพอมีกำลังซื้อ และกลุ่มมีกำลังซื้อสูง ,มาตรการช่วยเหลือและเยียวยา เช่น ลดค่าใช้จ่าย ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ตรึงราคาสินค้าจำเป็น,การกระจายอำนาจ และปรับปรุงกฎระเบียบที่มีอยู่ ในระยะยาว เช่น ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน,การวัดผลสำเร็จด้านเศรษฐกิจตั้ง KPI เช่นการกำหนดจีดีพีที่ 3-5% 2. การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน SMEs ด้วยกลยุทธ์ (ผลักดัน – ตั้งรับ – จับมือ) ‘การผลักดัน’ คือ ช่วยให้สินค้าไทยแข่งขันกับสินค้าจากต่างประเทศได้อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม เช่น การสร้างนโยบาย E-Commerce ของชาติ ‘การตั้งรับ’ คือ มาตรการปกป้องสินค้า ไม่แข่งขันด้านราคา เน้นบังคับใช้ Local content 3.การวางยุทธศาสตร์ประเทศเพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน
นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน กล่าวว่า ประเทศไทย แม้มีการขาดดุลการค้าจากจีน ส่วนหนึ่งมาจากการนำเข้าปุ๋ยเพื่อการเกษตร ซึ่งถือเป็นสินค้าทุน ที่เกษตรกรไทยนำมาเพิ่มมูลค่าส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งจีนยังเป็นตลาดสินค้าเกษตรแปรรูปที่ใหญ่ที่สุดของไทย ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำสินค้าไทยไปโรดโชว์ที่จีน สร้างมูลค่าเข้าประเทศหลายพันล้านบาท ขอให้เดินหน้าต่อไป
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และนายนาวา จันทนสุรคน รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มี 5 ข้อเสนอเร่งด่วน และ 3 ข้อเสนอระยะกลาง-ยาว โดย 5 ข้อเสนอเร่งด่วน ได้แก่ 1.การปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศจากสินค้านำเข้าที่ไม่มีคุณภาพและการทุ่มตลาด 2.การส่งเสริมสินค้าที่ผลิตในประเทศไทย และสินค้าที่ได้รับการรับรอง Made in Thailand (MiT) 3.การลดต้นทุนการผลิตเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมอาทิ ต้นทุนพลังงาน ต้นทุน แรงงาน เป็นต้น 4.การส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการ SME 5.การส่งเสริมการค้าชายแดน และพัฒนาระบบโลจิสติกส์
จากนั้นในเวลา 13.45 น. สมาคมธนาคารไทย เข้าพบหารือกับนายกรัฐมนตรี โดยนางสาวแพทองธาร ได้กล่าวว่าจากการพูดคุยพบว่าการลงทุนมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ข้อดีคือการเป็นรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย นโยบายต่างๆ จะต่อเนื่อง การพบกับภาคเอกชนจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและจะขอหารือเป็นระยะ
นายพิชัย ชุณหวชิระ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่า วาระหลักของรัฐบาลในขณะนี้ คือการแก้ไขปัญหาหนี้ครัวเรือน ที่มีอยู่กว่า 16 ล้านล้านบาท เป็นหนี้ในระบบประมาณ 13 ล้านล้านบาท และยังมีหนี้นอกระบบ และหนี้สหกรณ์ พร้อมเสนอให้ธนาคารกรุงไทย เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาหนี้ หากทำได้ จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นได้ คนที่คิดวิธีการได้ดีที่สุด คือเจ้าหนี้ ส่วนกระทรวงการคลัง จะยืนอยู่ข้างหลังเพื่อให้ทำงานสอดรับกัน
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง กล่าวว่า เราอยากเห็นธนาคารของไทย เข้ามามีส่วนร่วมในนโยบายรัฐบาลให้มากขึ้น พร้อมอัพเดตขั้นตอนการดำเนินนโยบาย Finacial hub ซึ่งอยู่ในขั้นตอนร่างกฎหมาย คาดว่า 3-4 เดือนจะมีความชัดเจน ส่วนการจัดตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ (National Credit Guarantee Agency : NaCGA) ตัวร่างกฎหมายคืบหน้า 95% แล้ว
สำหรับข้อเสนอของสมาคมธนาคารไทย โดยนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย และดร.สมประวิณ มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงาน EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ สรุปปัญหาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ 5 ด้าน ได้แก่ 1.ปัญหาหนี้ครัวเรือน 91.4% ต่อจีดีพี และ 27% ของครัวเรือนเข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบ โดยที่รุนแรงคือหนี้รถ หนี้บ้าน 2.แผลเป็นด้านรายได้ 3.เศรษฐกิจนอกระบบสูง 4.ไม่พร้อมในการก้าวสู่เศรษฐกิจใหม่ 5.Safety net ไม่ครอบคลุม รายไดไม่พอรายจ่าย ไม่มีเงินออม
พร้อมข้อเสนอ 5 แนวทาง ได้แก่ 1.ผันเศรษฐกิจนอกระบบเข้าสู่ในระบบ จะสร้างตัวคูณทางเศรษฐกิจได้สูง สร้างรายได้ให้ทันรายจ่าย 2.เติมเครื่องมือเพื่อช่วยให้ SMEs เพื่อให้ปรับตัวได้และเพิ่มการเข้าถึงสินเชื่อ 3.แก้หนี้ครัวเรือนและให้สินเชื่ออย่างยั่งยืน 4.เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการและก้าวทันกระแสโลก 5.เร่งดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อสนับสนุนการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ด้วยการเร่งผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาค สร้างความต่อเนื่องของโครงการ EEC