"เรืองไกร" ร้อง กกต. ตรวจสอบ "พรรคกลิ่นกาขาวชาววิไล" มีเหตุสิ้นสภาพไปแล้วหรือไม่
เมื่อวันที่ 18 ส.ค.67 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า ช่วงนี้กำลังรวบรวมเรื่องนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหลายฉบับ ตามรัฐธรรมนูญหลายมาตรา ตามข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่มีมากมาย ซึ่งเกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญหลายมาตรา กฎหมายหลายฉบับ รวมทั้งมาตรฐานทางจริยธรรม ด้วย รวมทั้งกระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 ส.ค.67 ที่ผ่านมา มีประเด็นที่ต้องขอให้ กกต. ตรวจสอบว่า พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ที่เปลี่ยนชื่อเป็น พรรคประชาชน และมี ส.ส. ในนามพรรคประชาชน เข้าไปร่วมเป็นองค์ประชุมในวันดังกล่าวนั้น หากพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล มีเหตุสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมืองไปแล้ว การเลือกนายกรัฐมนตรีจะชอบหรือไม่ จะเป็นโมฆะหรือไม่ ในวันนี้ ตนจึงส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ถึง กกต.เพื่อขอให้ตรวจสอบ เพราะการที่นายทะเบียนพรรคการเมืองให้ข่าวว่า พรรคถิ่นกาขาวชาววิไลเพิ่งมาตั้งสาขาพรรคเมื่อต้นเดือน ส.ค.67 ย่อมมีเหตุให้พิจารณาว่า การตั้งสาขาพรรคเมื่อ ส.ค.67 นั้น เกินกำหนดระยะเวลาภายใน 1 ปีนับแต่วันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนพรรคการเมืองกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 33 วรรคหนึ่ง (1) และ (2) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 หรือไม่ และเป็นเหตุให้พรรคถิ่นกาขาวชาววิไล ต้องสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง ตามมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (1) และวรรคสอง ไปแล้วหรือไม่
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า หากพรรคพรรคถิ่นกาขาวชาววิไลมีเหตุต้องสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง ตามมาตรา 91 วรรคหนึ่ง (1) และวรรคสอง ปัญหาการเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชนจะชอบหรือไม่ และบรรดา ส.ส.ที่เข้าไปทำหน้าที่เป็นองค์ประชุมในนามพรรคประชาชน ซึ่งเปลี่ยนชื่อมาจากพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล เพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 16 ส.ค.67 จะชอบหรือไม่ และผลโหวตให้บุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีจะจะตกเป็นโมฆะ หรือไม่