เวลลิงตัน, 15 ส.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันพุธ (14 ส.ค.) วารสารทางสังคมศาสตร์ของนิวซีแลนด์เผยแพร่ผลการศึกษาที่พบว่านักเรียนที่มีความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคมหรือรู้สึกมีตัวตน มีแนวโน้มถูกกลั่นแกล้งรังแกทั้งทางตรงและทางอ้อมน้อยกว่า ขณะแรงสนับสนุนจากพ่อแม่ผู้ปกครองเชื่อมโยงกับการตกเป็นเหยื่อทางตรงน้อยลงอย่างมาก
การศึกษานี้ใช้ชุดข้อมูลระหว่างประเทศขนาดใหญ่ ซึ่งเก็บรวบรวมจากเด็กนิวซีแลนด์ อายุ 15 ปี จำนวนกว่า 4,000 คน เพื่อสำรวจปัจจัยเสี่ยงในการตกเป็นเหยื่อของการกลั่นแกล้งรังแก ทั้งการแข่งขันในโรงเรียน การใช้สื่อสังคมออนไลน์ และการสนับสนุนจากพ่อแม่ผู้ปกครอง
นักเรียนในโรงเรียนที่มีห้องเรียนไม่ค่อยเป็นระเบียบและบรรยากาศการแข่งขันในโรงเรียนสูงกว่ามีแนวโน้มเสี่ยงตกเป็นเป้าหมายของการกลั่นแกล้งรังแกมากกว่า โดยคณะผู้เขียนผลการศึกษากระตุ้นการวิจัยระยะยาวเพื่อเข้าใจปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยให้โรงเรียนและผู้กำหนดนโยบายมีข้อมูลที่ดียิ่งขึ้นในการลดพฤติกรรมกลั่นแกล้งรังแก
การศึกษาวิจัยนี้ที่จัดทำโดยคณะนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยแมสซีย์ของนิวซีแลนด์และมหาวิทยาลัยแทสเมเนีนของออสเตรเลีย ชี้ว่าการช่วยเหลือที่เพิ่มความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคมในโรงเรียน กอปรกับความร่วมมือที่เพิ่มขึ้นของนักเรียนในโรงเรียน อาจช่วยลดความชุกและอันตรายจากการกลั่นแกล้งรังแกในหมู่เด็กวัยเรียนในนิวซีแลนด์อย่างมีประสิทธิภาพ
อนึ่ง การกลั่นแกล้งรังแกหรือ “บูลลี่” (Bully) ถือเป็นปัญหาร้ายแรงอันชักนำสู่ปัญหาสุขภาพจิตระยะยาว เช่น ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า และการฆ่าตัวตาย โดยแอรอน ดรัมมอนด์ อาจารย์อาวุโสประจำคณะจิตวิทยา มหาวิทยาลัยแทสเมเนีย เผยว่านิวซีแลนด์มีอัตราการกลั่นแกล้งรังแกในโรงเรียนสูง และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการฆ่าตัวตายของเยาวชนสูงสุดในโลก