"พริษฐ์"เผย กมธ.การเมือง เชิญนายกฯ แจงเกณฑ์ตัดสินใจรับรองร่าง ก.ม.การเงิน แต่ส่งรองเลขาธิการนายกฯ มาแทน คาใจใช้เกณฑ์อื่นนอกจากภาระงบประมาณ ปัดตกหรือไม่
เมื่อวันที่ 12 ส.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมมคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เป็นประธาน กมธ. ได้นัดประชุมวันที่ 15 ส.ค. โดยมีวาระพิจารณา สำคัญ คือ ศึกษาสถานะและกระบวนการขั้นตอนการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เกี่ยวกับการเงิน และกำหนดเชิญ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นายพรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯ ว่าที่ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร
นายพริษฐ์ ให้สัมภาษณ์ว่าขณะนี้มีการตอบรับมาแล้วว่านายกฯ ได้ส่ง รองเลขาธิการนายกฯ มาร่วมพิจารณา ซึ่งประเด็นที่จะพิจารณา คือ ปัจจุบัน ประธานสภาฯ ใช้เกณฑ์อะไรวินิจฉัยว่าเป็นร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการเงินหรือไม่ เมื่อวินิจฉัยและตัดสินว่าเป็น นายกฯ ใช้เกณฑ์อะไรตัดสินใจว่าจะให้คำรับรองและส่งเข้าสภาหรือไม่ ซึ่งเป็นการตรวจสอบและกรอบเวลา ทั้งนี้ในขั้นตอนที่เกี่ยวกับนายกฯ มีร่างการเงินหลายยฉบับใช้เวลาพิจารณานาน เกินกว่า 6 เดือน โดย กมธ.ต้องการให้มีตัวแทนายกฯ ชี้แจงและหาทางออกร่วมกัน ในขั้นตอนของนายกฯ ใช้เกณฑ์อะไรตัดสินใจรับรองหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญให้อำนาจนายกฯ พิจารณาเพื่อประเมินว่าเมื่อกฎหมายผ่านแล้วจะเป็นภาระทางงบประมาณแก่รัฐบาลหรือไม่ แต่ปัจจุบันนายกฯมีเกณฑ์อื่นหรือไม่ หรือใช้เกณฑ์อื่นพิจารณาหรือไม่ เช่น กรณีเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับสาระของกฎหมายหากมีร่างกฎหมายซึ่งไม่ได้เพิ่มภาระงบประมาณมาก แม้ไม่เห็นด้วยเนื้อหาต้องรับรองพิจารณาในสภา
ประธาน กมธ.การเมือง กล่าวด้วยว่า สำหรับกรอบระยะเวลาได้ความชัดเจนในขั้นตอนพิจารณาตัดสินใจอย่างไร เพราะหากนายกฯ ใช้เวลาพิจารณานานทั้งในร่างกฎหมายที่เสนอโดย ส.ส. หรือ ของประชาชนเสนอ อาจจะทำให้ทำงานต่อลำบาก อย่างไรก็ดีเมื่อนายกฯ ไม่มาเอง รวมถึงเลขาธิการนายกฯ ไม่มา แต่ส่งรองเลขาธิการนายกฯมาแทน ต้องรอดูว่าจะให้คำตอบได้หรือไม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตามขั้นตอนของการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นั้น หากถูกพิจารณาว่าเป็นกฎหมายเกี่ยวกับการเงิน สภาฯต้องส่งให้นายกฯ ลงนามรับรองก่อน โดยที่ผ่านมาพบว่าสภาฯส่งร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการเงินให้นายกฯ พิจารณา รวม 56 ฉบับ พบว่ารอลงนามรับรอง 40 ฉบับ และไม่ลงนามรับรอง 16 ฉบับ ซึ่งแบ่งเป็นของ ส.ส. 8 ฉบับ และของประชาชน 8 ฉบับ