"จาตุรนต์"ชี้ยุบ "ก้าวไกล" สะท้อนปัญหาอำนาจ "ตุลาการ-นิติบัญญัติ"

2024-08-11 12:25:43

"จาตุรนต์"ชี้ยุบ "ก้าวไกล" สะท้อนปัญหาอำนาจ "ตุลาการ-นิติบัญญัติ"

Advertisement

"จาตุรนต์"ชี้ยุบ "ก้าวไกล" สะท้อนปัญหาอำนาจ "ตุลาการ-นิติบัญญัติ"  ยันต้องแก้รัฐธรรมนูญจริงจัง

เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 67  นายจาตุรนต์ ฉายแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.)  โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Chaturon Chaisang ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล ว่า การยุบพรรคการเมืองตั้งแต่ในอดีตที่ผ่านมา ใช้หลักเหตุผลที่อ่อนแอไม่เป็นเหตุเป็นผล มีการลงโทษที่ไม่ได้สัดส่วนกับการกระทำความผิดที่เกิดขึ้น และมีการเพิกถอนสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคหรือนักการเมืองที่เป็นโทษรุนแรงมาก ทั้งๆที่กรรมการบริหารพรรคจำนวนมากหรือเกือบทั้งหมดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดนั้นเลย บางพรรคที่ถูกยุบไป พิสูจน์ต่อมาภายหลังว่าไม่มีใครทำผิดกฎหมายอะไรเลย แต่การยุบพรรคครั้งล่าสุดมีปัญหาเพิ่มขึ้นอีก คือคำวินิจฉัยล่าสุดได้สะท้อนปัญหาการจัดความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายตุลาการกับฝ่ายนิติบัญญัติ หรือก็คืออำนาจหน้าที่ของรัฐสภากับการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญในเรื่องการแบ่งแยกอำนาจอธิปไตย 3 ฝ่าย ที่ฝ่ายนิติบัญญัติมีการหน้าที่ออกกฎหมายและตรวจสอบควบคุมรัฐบาล ส่วนฝ่ายตุลาการมีหน้าที่ทำให้ผู้คนและองค์กรต่างๆทำตามกฎหมาย

นายจาตุรนต์ ระบุอีกว่า ฝ่ายตุลาการจะไม่ทำหน้าที่ในการกำกับการออกกฎหมายในขั้นตอนต่างๆ แต่จะมาเกี่ยวกับการออกกฎหมายก็ต่อเมื่อสภาพิจารณากฎหมายเสร็จแล้วจนถึงขั้นเห็นชอบทั้ง 3 วาระ ถ้าเป็นกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญก็ส่งศาลรัฐธรรมนูญ แต่ถ้าเป็นกฎหมายธรรมดา หากมีคนร้องตามจำนวนที่กำหนดว่ากฎหมายนี้หรือมาตรานี้ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าขัดแย้งก็จะต้องตกไป เช่นเดียวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้าหากว่ามีปัญหาขัดรัฐธรรมนูญขึ้นมา ศาลรัฐธรรมนูญก็สามารถวินิจฉัยให้ตกไป ในกรณีที่ถูกวินิจฉัยให้ตกไป สมาชิกที่เสนอกฎหมาย, แสดงความเห็น หรืออภิปรายและลงมติ จะไม่มีความผิดเพราะเขาถือว่าทำไปตามหน้าที่ ส่วนการพิจารณาว่ากฎหมายใดจะดีหรือไม่ เป็นดุลพินิจการตัดสินใจของรัฐสภา ไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญ

นายจาตุรนต์ ระบุว่า ระบบถ่วงดุลเป็นเช่นนี้ และรัฐธรรมนูญก็มีระบบป้องกันอยู่ในตัวอยู่แล้วที่จะไม่ให้เกิดกฎหมายที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้นปัญหาใหม่คือเกิดการจัดความสัมพันธ์อีกแบบหนึ่งที่ฝ่ายตุลาการสามารถจะมาพิจารณาได้ว่าร่างกฎหมายที่เสนอมีเนื้อหาที่ดีหรือไม่ดีและขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ทั้งที่ไม่ใช่ขั้นตอนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีอำนาจ ส่วนเรื่องที่ใหญ่มาก ทั้งการยุบพรรคและความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจอธิปไตย 3 ฝ่าย จึงต้องแก้ไขกันในขั้นตอนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนการแก้ระบบกฎหมายว่าด้วยการยุบพรรค อาจจะแก้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง และพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง แต่ก็ไม่พอ จำเป็นต้องแก้รัฐธรรมนูญด้วย เช่นเดียวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจอธิปไตยทั้ง 3 ฝ่าย จึงแก้ไขรัฐธรรมนูญ

"จำเป็นต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะว่าจะไปเกี่ยวข้องกับความเป็นประชาธิปไตยของบ้านเมือง การมีหลักนิติธรรม ที่สำคัญไปเกี่ยวข้องโดยตรงกับผลประโยชน์ของประชาชน ที่ประชาชนจะสามารถมีพรรคการเมืองและใช้พรรคการเมืองให้เป็นประโยชน์ต่อการกำหนดความเป็นไปของบ้านเมืองได้แค่ไหน หรือประชาชนสามารถใช้รัฐสภาในการทำหน้าที่ออกกฎหมายและตรวจสอบควบคุมการทำงานของฝ่ายรัฐได้ดีแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับการแก้รัฐธรรมนูญ จะแก้ปัญหานี้ได้ ต้องแก้รัฐธรรมนูญครับ"นายจาตุรนต์ ระบุ