"จิรัฏฐ์" ลั่นไม่ได้สร้างเรื่องซื้อตัว ส.ส. ยันพูดคุยผ่านตัวแทนท้องถิ่นที่รู้จัก
เมื่อวันที่ 8 ส.ค.67 ที่รัฐสภา นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส. ฉะเชิงเทรา อดีตพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ระบุว่าหากมีหลักฐานรัฐมนตรีติดต่อซื้อ ส.ส. ขอให้ส่งมา ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องที่ทำลายหลักการความเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย เรื่องของงูเห่า ไม่ว่าจะเป็นการซื้อหรือขายตัวเป็นงูเห่า ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะตอบปัดแบบนี้ไม่ได้ เพราะถ้าท่านเป็น ส.ส. จะรู้ว่า ไม่มีหลักฐานอะไรมาให้เราเปิดอยู่แล้ว แต่ถ้าตอบปัดว่าให้เอาหลักฐานมา ตนคิดว่าไม่ใช่คำตอบที่ดีสำหรับนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ไม่รู้ก็น่าจะตอบได้ดีกว่านี้ แต่คำตอบเหมือนฟังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี และหากเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะไม่ตอบแบบนี้
เมื่อถามว่า มีอะไรยืนยันสิ่งที่พูดว่ามีการทำจริงหรือไม่นั้น นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้มีความผิดอะไรในทางกฎหมาย การเอาหลักฐานออกมาไม่ได้อะไร ถ้าจะท้าทายว่าตนสร้างเรื่องขึ้นมาก็ไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่ออะไร และอย่างที่เห็นมีการตั้งพรรคแล้ว ซึ่งตนก็ไม่รู้มาก่อนว่าจะมี ซึ่งตนได้พูดคุยน้อยมากและเป็นการพูดคุยผ่านตัวแทนท้องถิ่นที่รู้จักกับตน แต่ทั้ง 2 คน ไม่ได้สนิทกันเพียงแต่อยู่ท้องถิ่นเดียวกันเท่านั้น โดยเขาบอกว่ามีผู้ช่วยของรัฐมนตรีท่านหนึ่งมาติดต่อให้ไปพรรคใหม่ที่กำลังจะตั้ง และต่อรองราคากันได้ 20-30 ล้าน ซึ่งคนท้องถิ่นที่เป็นเพื่อนของตนก็ปฏิเสธให้ในทันที และเชื่อว่ามี ส.ส. ที่ถูกติดต่อในทำนองแบบนี้ และเท่าที่พูดคุยมีประมาณ 2-3 คน ทั้งที่เป็น ส.ส. เก่าและใหม่ บางคนเท่าที่ทราบยังไม่มีการคุยเรื่องราคา ซึ่งตนไม่ทราบว่ามีเหตุผลอะไรที่จะมีการมาซื้อตัว เพื่อไปต่อรองเรื่องตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะขณะนี้สัดส่วนของพรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านห่างกันเกินไปในการที่จะมาดึงตัว และหลังอดีตพรรคก้าวไกล เปิดพรรคใหม่ ตนและ ส.ส. ทั้งหมดเชื่อว่าจะเข้าร่วมด้วยอย่างแน่นอน
เมื่อถามถึง การยื่นร้องให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบ 44 ส.ส. อดีตพรรคก้าวไกล ที่อาจผิดจริยธรรมร้ายแรงประเด็นการลงชื่อเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่ากระบวนการในการเสนอกฎหมายถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งนึกไม่ออกว่าจะมีความผิดอะไร เหมือนคำตัดสินเมื่อวันที่ 7 ส.ค. มีความผิดอะไร ยังไงถึงมีการยุบพรรคเกิดขึ้น ยืนยันในเจตนาที่ต้องการแก้ไขกฎหมายตามอำนาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะมีการพูดคุยกันและมีการคัดเลือก โดยขอให้รอพรรคใหม่แถลง ซึ่งขอยืนยันในหลักการ คนที่เป็นกรรมการบริหาร ต้องเป็นคนที่มีอำนาจในการบริหาร ฉะนั้นคงไม่เอานอมินีมาเป็นอยู่แล้ว และหากจะถูกยุบพรรคอีกในอนาคต เราก็ต้องมีพรรคที่ 4-5 ต่อไป