"วิโรจน์" ลั่น "ก้าวไกล" ไปพรรคใหม่พร้อมเพรียง ชี้ทุกคนตระหนักดี "งูเห่า" มีจุดจบอย่างไร เชื่อไม่จริงซื้อตัว 20-30 ล้าน
เมื่อวันที่ 7 ส.ค. 67 ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคก้าวไกล กล่าวถึงความคืบหน้าการนำสมาชิกไปเปิดตัวสังกัดพรรคใหม่ในวันที่ 9 ส.ค.นี้ จะมากันครบหรือไม่ ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล ในคดีล้มล้างการปกครองเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ว่า เราไม่ได้มีการเช็กชื่อ แต่เรามีการเช็กหัวใจกัน มีการพูดคุยกัน จากการหารือคิดว่าน่าจะไปสมัครพร้อมกัน คงไม่มีปัญหาอะไร ส่วนชื่อพรรคที่จะไปสังกัดใหม่นั้น ขอให้รอก่อน ตนยังบอกไม่ได้ เพราะก็ยังไม่รู้เหมือนกัน แต่ยืนยันว่าพวกเราจะไปในที่ใหม่อย่างพร้อมเพรียง
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการต้านพลังต่อพรรคการเมืองที่จะมาซื้อตัวอย่างไร นายวิโรจน์ กล่าวว่า ทุกคนรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นอธิบายยาก แต่เรื่องของความยุติธรรม ทุกคนรู้ว่าที่มาของเรามาจากความไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชน 14 ล้านเสียง ทุกคนตระหนักอยู่ในใจดีว่า คนที่เคยเป็นงูเห่าในอดีต และหักหลังต่อความไว้วางใจจากประชาชน มีจุดจบอย่างไร คงไม่ต้องบอกกันอยู่แล้ว ปัจจุบันดินฟ้าอากาศ อุณหภูมิทางการเมือง ไม่มีความจำเป็นต้องมาซื้อตัวขนาดนี้ ต่างจากในยุคก่อนที่รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ อุปสงค์อุปทานต่างไปจากเดิม ความมุ่งมั่นของสส.ก็ต่างไปจากเดิม ต้องยอมรับว่าเพื่อนๆที่เข้ามาในรอบนี้จำนวนมาก ไม่ได้อยู่ดีๆก็สมัครมาเป็นสส.ของเรา แต่ผ่านการทำงานร่วมกับพรรคมาเป็นระยะเวลายาวนาน ทำให้เราไว้เนื้อเชื่อใจรู้ใจกันมากขึ้น มั่นใจว่าจะไม่มีปัญหาอะไรในรอบนี้อย่างที่ทุกคนกังวลกัน
เมื่อถามว่ามีอะไรจากฝากไปถึงพรรคการเมืองที่จะมาซื้อตัว ส.ส.อดีตพรรคก้าวไกล นายวิโรจน์ กล่าวว่า ไม่ต้องฝากหรอกมั้ง เขาคงเลิกไปแล้ว คงโยนหินถามทาง หมาหยอกไก่ เมื่อถามว่าจำนวนเงินในการซื้อตัว 20-30 ล้านบาท จริงหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า สำหรับตนว่าไม่จริง ก็ไม่รู้จะซื้อไปทำไม คงทาบทามตามประสาคนที่เคยทำ ลองถามไถ่ดูได้ก็ดีฟรีก็เบิ้ล แต่พอไม่ได้รับคำตอบจากสิ่งที่ท่านเรียกเขาก็เงียบไป
ต่อข้อถามว่า การที่เราไม่ทิ้งระยะเวลานานและเตรียมเปิดตัวพรรคใหม่ทันที เป็นการป้องกันการซื้อตัวหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า เราตกลงกันตั้งแต่แรกที่เข้ามาทำงานในพรรคก้าวไกลอยู่แล้ว ว่าจะทำอย่างไรที่จะแสดงความมุ่งมั่น เพื่อทำให้ประชาชนมั่นใจกับการขับเคลื่อนอุดมการณ์ของพรรคก้าวไกล เราตกลงกันไว้อย่างนี้ วิธีนี้เราเรียกว่าแผนสอง หรือแพลนบี เราตกลงกันไว้ตั้งนานแล้ว ถ้าเกิดอุบัติเหตุใดๆขึ้น เราจะร้อยรักดวงใจกันไปอย่างพร้อมเพรียง เปรียบเสมือนเส้นทางหนีไฟที่เราต้องไปอย่างพร้อมเพรียงกัน ทุกคนเหมือนมีปุ่มเรียกฉุกเฉินเดินหน้าตามนั้น
เมื่อถามถึงหัวหน้าพรรคคนใหม่ มีชื่อของ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ขอให้รอการแถลงการณ์อย่างเป็นทางการดีกว่า สำหรับคุณสมบัติต้องเป็นคนที่ขับเคลื่อนอุดมการณ์ของพรรคต่อไปได้อย่างมั่นคง ตนว่าเรื่องนี้สำคัญที่สุด เราเคารพความหลากหลายเพศ ไม่เกี่ยงหากหัวหน้าพรรคจะเป็นผู้หญิง คงไม่เอาคุณสมบัติอะไรล็อคสเป็ค ส่วนจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่สร้างสเป็คไว้สูงนั้น ตนคิดว่าหัวหน้าพรรคแต่ละคนมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องนำมาเปรียบเทียบกัน
"ผมขอเปรียบเทียบเป็นนวนิยายกำลังภายในจีนดีกว่า ประมุขพรรคของเรา มีกำลังภายในที่ล้ำเลิศ ในแต่ละแขนงอยู่แล้ว ทุกคนมีท่าไม้ตายที่เป็นอัตลักษณ์ของตัวเอง เคล็ดวิชาหัวหน้าพรรคเราล้ำเลิศ และ ส.ส.ทุกคนเป็นศิษย์บู๊ตึ๊ง ที่รับการถ่ายทอดกำลังภายในมา ไม่ต้องห่วงว่ากำลังภายในจะถดถอย ตั้งค่ายเจ็ดดาวพร้อมกันทุกคน" นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวด้วยว่า ยอมรับว่าตนอาจรู้สึกเสียใจบ้าง แต่พอเสียใจแล้วก็ต้องทำงานต่อ เพราะแผนงานที่เราวางไว้ทั้งหมดมันเลยวันที่7ส.ค.ไปแล้ว ต่อให้เรารู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น คำถามที่ต้องถามตัวเองคือ เราจะชะลอหรือ ก็คงไม่ ต้องเดินหน้าต่อ ทุกคนในพรรคไม่ได้รู้สึกว่าวันที่ 7ส.ค. หรือต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นที่จะต้องผ่อนงานไว้ก่อน มันไม่มี ทุกคนก็รับงานตามปกติ