เจ้าของร้านสักทนไม่ไหวกลุ่มบุคคลอ้างตัวเป็นนักข่าว ตำรวจขอเงินจนต้องโพสต์คลิปประจาน พร้อมโร่แจ้งความตำรวจ
จากกรณีเจ้าของร้านสัก "บิ๊กแทททู" ได้นำคลิปภาพวงจรปิดมาโพสต์บนหน้าเฟซบุ๊ก "ช่างบิ๊ก สักลาย สุราษฎร์ธานี" เนื่องจากมีกลุ่มคนแอบอ้างเป็นนักข่าว ตำรวจมาขอเงินจากที่ร้านอยู่บ่อยครั้ง จนรู้สึกเหนื่อยใจ จนมีการแชร์คลิปดังกล่าวออกไปในหลายเพจ
เมื่อวันที่ 5 ส.ค.67 นายหิรัญ จันทร์เรือง อายุ 31 ปี เจ้าของร้านบิ๊กแทททู กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นบ่อยครั้งมาก โดยในครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ก.ย.66 ได้มีกลุ่มคนอ้างตัวเป็นนักข่าวในพื้นที่ เข้ามาขอเงินจำนวน 5 หมื่นบาท เพื่อแลกกับการลงโฆษณาในหนังสือและจะออกบัตรนักข่าวให้ โดยอ้างว่าจะสามารถใช้อ้างกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ แต่ตนได้ตอบไปว่าไม่ได้มีเงินมากขนาดนั้นและไม่จำเป็นด้วย กลุ่มคนดังกล่าวจึงขอให้สนับสนุนเงินช่วยเหลือซื้อบัตรคอนเสิร์ตการกุศลโดยอ้างว่าจะนำไปซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์แทน ตนจึงยอมให้เงินสดไป 1,000 บาท แต่กลุ่มคนดังกล่าวไม่พอใจขอเพิ่มเป็น 3,000 บาท แต่ตนมีเงินสดอยู่แค่ 2,5000 บาท จึงได้ให้เงินจำนวนดังกล่าวไป สำหรับครั้งที่ 2 ห่างกันไม่นาน คนกลุ่มเดิมได้กลับมาหาตนอีกครั้งโดยอ้างว่ามาขอบคุณ แต่ครั้งนี้มีผู้หญิงแต่งตัวดีห้วกระเป๋าเป็นคุณนายมาด้วย และได้บอกว่าที่บ้านของตนยังไม่มีหิ้งพระ พร้อมเสนอขายพระแก้วมรกตให้ในราคา 2,999 บาท แต่ได้ปฏิเสธไป เพราะรู้สึกว่ากลุ่มคนดังกล่าวน่าจะไม่ใช่สื่อจริงกลุ่มคนดังกล่าวจึงออกจากร้านไป
นายหิรัญ กล่าวต่อว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ส.ค.67 ได้มีชาย 2 คนเข้ามาที่ร้านของตนอีกครั้งนี้มีการแขวนบัตรมาด้วยแต่ไม่ได้สังเกตว่าเป็นบัตรอะไรเพราะกำลังสักลายให้กับลูกค้า โดยกลุ่มคนดังกล่าวได้เข้ามาขอเงินอีกโดยอ้างว่าเป็นตำรวจ และขอให้สนับสนุนงานกีฬาเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ตนไม่ได้ให้เงินไป ทั้งนี้รู้สึกอึดอัดใจมากจึงได้นำคลิปวิดีโอไปโพสต์ลงเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 3 ส.ค.67 พร้อมบรรยายความรู้สึกในใจที่บุคคลเหล่านั้นมาขอเงินบ่อยมาก จนมีการแชร์คลิปออกไป
ด้าน พ.ต.อ.ปิยะวัฒน์ บัวขาว ผกก.สภ.ขุนทะเล อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี กล่าวว่า เบื้องต้นได้ทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว ทางผู้เสียหายได้เข้าให้ปากคำกับทางพนักงานสอบสวนไว้ที่ สภ.ขุนทะเลแล้วถึงพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลดังกล่าว และได้ให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสืบหาตัวบุคลในภาพดังกล่าวมาสอบสวนข้อเท็จจริง ส่วนพฤติกรรมดังกล่าวจะเข้าข่ายความผิดข้อหาใดนั้นต้องดูจากพยานหลักฐานอีกครั้ง ขอยืนยันว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีนโยบายที่จะไปขอเรียกรับเงินจากประชาชน ทั้งนี้เท่าที่ได้ทำงานร่วมกับผู้สื่อข่าวที่มีต้นสังกัดชัดเจนก็ไม่มีพฤติกรรมเรียกรับเงินประชาชนแต่อย่างใด ฝากเตือนพี่น้องประชาชนถ้าเจอกลุ่มคนหรือบุคคลที่แอบอ้างอย่าได้หลงเชื่อให้เงินไป