ซานฟรานซิสโก, 2 ส.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันพฤหัสบดี (1 ส.ค.) อินเทล (Intel) บริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐฯ ประกาศแผนเลิกจ้างพนักงาน 15,000 คน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับเปลี่ยนโครงสร้างท่ามกลางการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากกลุ่มบริษัทคู่แข่ง
แพท เกลซิงเกอร์ ซีอีโอของอินเทล เผยว่าบริษัทฯ ตั้งเป้าลดต้นทุนจำนวน 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.53 แสนล้านบาท) ในปี 2025 และสิ่งนี้ครอบคลุมถึงการลดจำนวนพนักงานลงประมาณ 15,000 คน หรือร้อยละ 15 ของพนักงานทั้งหมด
“นี่เป็นวันที่ยากลำบากอย่างยิ่งสำหรับอินเทล เราได้ทำการปรับเปลี่ยนครั้งสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของบริษัทฯ”เกลซิงเกอร์กล่าว
ด้านสื่อท้องถิ่นของสหรัฐฯ รายงานว่านี่ถือเป็นการเลิกจ้างพนักงานครั้งใหญ่ที่สุดที่อินเทลเคยประกาศมา
นอกจากนี้ อินเทลเผยว่าจะเริ่มเสนอนโยบายจูงใจในการเกษียณอายุก่อนกำหนดและการออกจากงานโดยได้รับค่าจ้างชดเชยในสัปดาห์หน้า พร้อมทั้งระงับการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นตั้งแต่ไตรมาสหน้าเป็นต้นไป
รายงานระบุว่ารายได้ของอินเทล ช่วงไตรมาสสอง (เมษายน-มิถุนายน) อยู่ที่ 1.28 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 4.52 แสนล้านบาท) ลดลงร้อยละ 1 เมื่อเทียบปีต่อปี และขาดทุนสุทธิ 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 5.65 หมื่นล้านบาท)
ทั้งนี้ ราคาหุ้นของอินเทลร่วงลงร้อยละ 19 ในการซื้อขายหุ้นหลังเวลาทำการ เหลือ 23.56 ดอลลาร์สหรัฐ (ราว 833 บาท) ซึ่งหากราคาหุ้นลดลงอีกในวันพรุ่งนี้ ราคาหุ้นของอินเทลจะแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่าทศวรรษ ส่งผลให้มูลค่าตลาดของอินเทลลดลงเหลือประมาณ 1 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3.53 ล้านล้านบาท)
(แฟ้มภาพซินหัว : สำนักงานใหญ่ของอินเทลในเมืองซานตาคลารา รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ วันที่ 1 ส.ค. 2024)