"พาณิชย์" เดินหน้าลดค่าครองชีพ 7,000 ล้าน

2024-08-03 07:00:49

"พาณิชย์" เดินหน้าลดค่าครองชีพ 7,000 ล้าน

Advertisement


"ภูมิธรรม" ชี้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตล่าช้า ช่วงว่าง 3 เดือน จับมือภาครัฐ ภาคเอกชน ตั้งเป้าลดค่าครองชีพประชาชน 7,000 ล้าน 

เมื่อวันที่ 2 ส.ค.67 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจของรัฐบาลกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข นายอรรถกร ศิริรัตยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายพรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายชัชชาติ สิทพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง

นายภูมิธรรม กล่าวว่า วันนี้กระทรวงพาณิชย์ได้ทำแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจในช่วง 3 เดือนตั้งแต่วันที่ 20 ส.ค.-20 พ.ย.67 เสนอนายกฯ ซึ่งรัฐบาลจะร่วมมือกันในการทำ เพราะเห็นถึงความยากลำบากของพี่น้องประชาชน เราคิดว่าเงินดิจิทัลวอลเล็ตล่าช้าไปนิดหนึ่ง มีช่วงว่าง 3 เดือนที่ยังไม่มีอะไรมาทดแทน โครงการนี้จะทำให้มีความพร้อมก่อนเข้าสู่ดิจิทัลวิลเล็ต ช่วยสร้างรายได้ ลดรายจ่ายของพี่น้องประชาชน โดยเน้นที่ SME ผู้ประกอบการรายเล็ก ให้ผู้ประกอบการรายใหญ่มาช่วย จะเริ่ม Kick off วันที่ 20 ส.ค.นี้ หลังจากเดินทางไป ครม.สัญจร

โดยเป้าหมายในการลดรายจ่าย เช่น จัดสถานที่ออกร้านให้กับเกษตรกร ผู้ค้ารายย่อยโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ค่าเช่าแผง หรือลดราคาให้มากที่สุด ได้เจรจากับกระทรวงมหาดไทยใช้ศาลากลางจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นศูนย์ประสานงาน มีพาณิชย์จังหวัดขับเคลื่อน และใช้สถานที่ท่องเที่ยว ตลาดใหญ่ต่างๆทั่วประเทศ และกระทรวงกลาโหมมีพื้นที่ 3,000 กว่าแห่งที่สามารถเข้าไปใช้ได้ รวมทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวขายสินค้าเป็นกรณีพิเศษ และจะมีรถของกลาโหมมาทำรถโมบาย นอกจากนี้กระทรวงสาธารณสุขจะใช้ อสม.ลงพื้นที่ประสานงานท้องที่ และสำหรับพื้นที่ห่างไกลที่ไม่มีรถธงฟ้า เราจะส่งเสริมให้ประชาชนขายผ่านรถพุ่มพวงโดยเราจะส่งสินค้า อาทิ หมู ไก่ น้ำตาล น้ำมัน สินค้าอุปโภคบริโภคที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน

หลังจากวันที่ 20 ส.ค. นี้ จะเปิดพร้อมกันทั่วประเทศ ทุกจังหวัด เป็นความร่วมมือกันของภาครัฐ กระทรวงต่างๆ ภาคเอกชนและสมาคมต่างๆที่เกี่ยวข้องทั้ง สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้าไทย กลุ่มบริษัทผู้ผลิตสินค้า ยูนิลิเวอร์ ไทยเบฟเวอเรจ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งท่านนายกฯสั่งการให้ไม่กระทบร้านค้ารายย่อย เราจะดึงร้านค้ารายย่อยให้มีส่วนร่วมในโครงการนี้ และเมื่อลดค่าใช้จ่ายเกษตรกรผู้ผลิตก็ต้องไม่ถูกกดราคา ประเมินขั้นต้นว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายให้พี่น้องประชาชนได้ประมาณ 7,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นพื้นฐานก่อนที่ดิจิทัลวอลเล็ตออก ให้ประชาชนสามารถเพิ่มการลงทุน ค้าขายได้ทั่วประเทศ ถือเป็นมติให้ดำเนินการและกระทรวงพาณิชย์ จะเป็นหน่วยงานหลักในการประสานงานทั้งหมด