แซคราเมนโต, 31 ก.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันอาทิตย์ (28 ก.ค.) วารสารสมาคมการแพทย์อเมริกัน (JAMA) เผยแพร่ผลการศึกษาใหม่ที่พบว่าการตรวจเลือดสามารถตรวจหาโรคอัลไซเมอร์หรือโรคสมองเสื่อมได้อย่างแม่นยำมากกว่าแพทย์ผู้มีประสบการณ์ โดยการตรวจเลือดแบบใหม่นี้อาจปฏิวัติการวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์ ทำให้ผู้ป่วยตามคลินิกท้องถิ่นและศูนย์ความจำเฉพาะทางเข้าถึงการตรวจหาโรคดังกล่าวง่ายยิ่งขึ้น
การศึกษาในสวีเดนตรวจสอบผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับความจำมากกว่า 1,200 ราย โดยคณะนักวิจัยพบว่าการตรวจเลือดแบบเอพีเอส2 (APS2) สามารถระบุโรคอัลไซเมอร์ได้อย่างถูกต้องถึงร้อยละ 88-92 ซึ่งเป็นอัตราส่วนที่สูงกว่าการระบุโรคอัลไซเมอร์โดยแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวหรือแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งมีความแม่นยำอยู่ที่เพียงร้อยละ 58 และร้อยละ 71 ตามการตรวจวัดมาตรฐานและการทดสอบทางปัญญา
ข้อได้เปรียบหลักประการหนึ่งของการตรวจเลือดแบบใหม่นี้คือความน่าเชื่อถือในผู้ป่วยกลุ่มต่างๆ เช่น ผู้ป่วยที่มีปัญหาสุขภาพอื่นๆ อย่างโรคไต รวมถึงแสดงผลลัพธ์อันดีในผู้ป่วยที่สูญเสียความทรงจำในระยะต่างๆ ตั้งแต่ผู้ป่วยที่วิตกกังวลเล็กน้อยจนถึงผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงมากขึ้น ซึ่งคณะนักวิจัยชี้ว่าการตรวจเลือดแบบนี้อาจเป็นประโยชน์มากในสถานดูแลขั้นปฐมภูมิที่เข้าถึงการสแกนสมองเฉพาะทางหรือตรวจน้ำไขสันหลังอย่างจำกัด
อย่างไรก็ดี คณะนักวิจัยเน้นย้ำว่าการตรวจเลือดไม่ควรเป็นวิธีการเดียวในการวินิจฉัยโรคอัลไซเมอร์ แต่ควรพิจารณาอาการของผู้ป่วยและข้อมูลทางการแพทย์อื่นๆ ควบคู่ด้วยเพื่อการประเมินอย่างครอบคลุมรอบด้านยิ่งขึ้น รวมถึงต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันประสิทธิภาพของการตรวจเลือดแบบใหม่นี้ในกลุ่มประชากรต่างๆ และทำความเข้าใจผลกระทบต่อการดูแลผู้ป่วยในสถานการณ์จริงด้วย