สทนช. ชี้สถานการณ์น้ำท่วมภาคตะวันออกดีขึ้นคาดช่วงนี้ไทยมีฝนน้อยลง ต้องเร่งพร่องน้ำออกจากอ่างฯ รับฝนระลอกใหม่ ก.ย.
เมื่อวันที่ 31 ก.ค.67 นายไพฑูรย์ เก่งการช่าง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธานการประชุมติดตามและประเมินสถานการณ์น้ำประจำสัปดาห์ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมอุตุนิยมวิทยา สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) (สสน.) กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรธรณี กรมชลประทาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) (GISTDA) กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เป็นต้น เข้าร่วมการประชุม ณ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ และผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม นายธรรมพงศ์ เนาวบุตร ผู้เชี่ยวชาญด้านวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ศูนย์อำนวยการน้ำแห่งชาติ สทนช. เปิดเผยผลการประชุมว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาประเทศไทยมีพื้นที่ประสบปัญหาอุทกภัย รวม 15 จังหวัด โดยปัจจุบันยังมีปัญหาอุทกภัยอยู่ 10 จังหวัด ซึ่งหน่วยงานต่างๆ กำลังเร่งคลี่คลายสถานการณ์ ได้แก่ จ.ขอนแก่น ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด ปราจีนบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด พระนครศรีอยุธยา กาญจนบุรี ราชบุรี สำหรับในภาคตะวันออกและภาคตะวันตกที่มีปริมาณฝนตกเป็นจำนวนมาก ได้แก่ อ.บ่อไร่ อ.เขาสมิง อ.แหลมงอบ จ.ตราด อ.มะขาม อ.ขลุง จ.จันทบุรี อ.ทองผาภูมิ อ.สังขละบุรี อ.ไทรโยค อ.เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี ปัจจุบันระดับน้ำท่วมในบางพื้นที่ยังทรงตัวแต่มีแนวโน้มลดลงตามลำดับ โดย จ.ตราด คาดว่าระดับน้ำบริเวณ อ.เขาสมิง จะลดลงเข้าสู่ตลิ่งในวันที่ 1 ส.ค. 67 และ จ.จันทบุรี คาดว่าระดับน้ำทุกพื้นที่จะลดลงต่ำกว่าตลิ่งในวันที่ 2 ส.ค. 67 ซึ่งในพื้นที่ภาคตะวันออก สทนช. ได้บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเร่งแก้ไขปัญหาอุทกภัย ผ่านกลไกศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออกและลุ่มน้ำบางปะกง รวมถึงได้จัดรถโมบายให้บริการข้อมูลสถานการณ์น้ำสำหรับประชาชนในพื้นที่ จ.จันทบุรี และ ตราด นอกจากนี้ ปภ. จะเร่งเข้าสำรวจความเสียหายเพื่อเข้าสู่กระบวนการชดเชยเยียวยาให้ประชาชนผู้ได้รับผลกระทบโดยเร็ว หลังกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ทั้งนี้ การแก้ไขปัญหาพื้นที่ประสบอุทกภัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สทนช. ได้ปฏิบัติการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องผ่านศูนย์ฯ ส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัยลุ่มน้ำมูล ขณะนี้สถานการณ์ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติในหลายพื้นที่ จึงได้ปิดการดำเนินงานของศูนย์ฯ ลงแล้ว อย่างไรก็ตาม สทนช. จะยังคงติดตามน้ำอย่างใกล้ชิด สำหรับการคาดการณ์สภาพอากาศในช่วง 10 วันข้างหน้า ตั้งแต่วันที่ 1 – 10 ส.ค. 67 พบว่า ปริมาณฝนในหลายพื้นที่ของประเทศไทยจะเริ่มลดลง สทนช. จึงได้เน้นย้ำให้หน่วยงานที่รับผิดชอบ
อ่างเก็บน้ำแต่ละแห่ง อาทิ กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ฯลฯ เร่งพร่องน้ำออกจากอ่างฯ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฝนที่คาดว่าจะตกหนักหลังจากนี้ในเดือน ก.ย. 67 เนื่องจากคาดว่าจะมีอ่างฯ หลายแห่งที่มีปริมาณน้ำใกล้เคียง 100% ของความจุ ในช่วงที่ปริมาณฝนมาก เช่น อ่างฯ ป่าสักชลสิทธิ์ อ่างฯ ลำปาว อ่างฯ แม่งัดสมบูรณ์ชล เป็นต้น ซึ่งการระบายน้ำจะต้องไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ด้านท้ายน้ำ พร้อมกำชับให้มีการตรวจสอบความมั่นคงแข็งแรงของอาคารชลศาสตร์ทุกแห่งให้มีความพร้อมในการรองรับปริมาณน้ำจำนวนมาก ตามมาตรการรับมือฤดูฝน ปี 67 และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนเมื่อเกิดเหตุอย่างทันท่วงที ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มีข้อสั่งการให้ สทนช. และกรมอุตุนิยมวิทยา ประเมินแจ้งเตือนสถานการณ์ให้ประชาชนรับทราบข้อมูล และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหาโดยเร็วต่อไป