"พล.อ.เกรียงไกร" นั่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1

2024-07-23 18:45:27

"พล.อ.เกรียงไกร" นั่งรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1

Advertisement

 เปิดวิสัยทัศน์ 4 ส.ว.ชิงรองประธานวุฒิสภาก่อนลงคะแนนลับ วุ่นมีบัตรเกินมา 1 เสียง ต้องนับใหม่ ท้ายสุด  "พล.อ.เกรียงไกร" ได้เสียงหนุนตามคาด

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 23 ก.ค.67 ที่ประชุมวุฒิสภา  กลับมาประชุมอีกครั้ง ได้เริ่มต้นการเลือก รองประธานวุฒิสภา  2 คน โดย รองประธานวุฒิสภาคนแรก มีผู้ถูกเสนอชื่อชิงตำแหน่ง รวม 4 คน คือ  พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ส.ว.กลุ่มบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง  นายนพดล อินนา ส.ว.กลุ่มสิ่งแวดล้อม  นายปฏิมา จิระแพทย์ ส.ว.กลุ่มสิ่งแวดล้อม  และ  นายแล ดิลกวิทยรัตน์ ส.ว.กลุ่มแรงงาน

จากนั้นเป็นการแสดงวิสัยทัศน์  เริ่มจาก พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ส.ว.กลุ่มบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง นายนพดล อินนา ส.ว.กลุ่มสิ่งแวดล้อม นายปฏิมา จิระแพทย์ ส.ว.กลุ่มสิ่งแวดล้อม และ นายแล ดิลกวิทยรัตน์ ส.ว.กลุ่มแรงงาน  กล่าวว่า ตนยึดมั่นและมีความจงรักภักดี รวมถึงจะธำรงไว้ซึ่งการปกครองประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เทิดทูน ปกป้องสถาบัน จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ตนขอให้ความเชื่อมั่นกับ ส.ว. ที่จะทำงานการเมืองและองค์กรอิสระ ที่เที่ยงธรรม เป็นกลางเป็นที่พึ่งของประชาชน และให้วุฒิสภานี้จะเป็นหลักดำเนินนการต่อชาติบ้านเมือง นอกจากนั้นแล้ว ส.ว.ที่มาจากหลากหลายกลุ่มอาชีพ ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ตนขอให้มั่นใจในเกียรติของ สว.ที่จะรับฟังความคิดเห็นของทุกคนทำงานในกิจการที่เกี่ยวข้องกับ ส.ว.อย่างเท่าเทียมกัน เคารพเสียงส่วนใหญ่ ไม่เพิกเฉยเสียงน้อยที่เห็นต่าง ยืนยันว่าทำงานทุกอย่างเพื่อให้ สว.เป็นที่ยอมรับเชื่อมั่นศรัทธาของประชาชน ให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของประชาชนในการทำงาน หรือรับฟังความเห็นจากประชาชนทางตรงและทางอ้อม ผมขอสัญญาจะทำสิ่งที่ดีงามให้ ส.ว. เป็นสภาทรงเกียรติ มีสว.จรรโลงความดีงาม เกิดประโยชน์ของประเทศต่อไป 

นายนพดล อินนา กล่าววิสัยทัศน์ในลำดับต่อมาว่า หากได้มาทำหน้าที่ จะทำหน้าที่เป็นกลาง โปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่ปฏิบัติหน้าที่เอนเอียงตามกระแสสังคมหรือแรงกดดันการเมือง ตนอยากเห็นการขับเคลื่อนการประชุมวุฒิสภาที่มีบรรยากาศการประชุมที่ดี เปิดโอกาสให้ ส.ว.  ใช้ความรู้ความสามารถประสบการณ์ที่มีในอดีต มาใช้ในที่ประชุม ตนเชื่อว่าในที่ประชุมนั้นสำคัญมาก การทำงานต้องมีความสุข และตนเชื่อว่าสามารถทำงานร่วมกับสว.ทำให้สภา สร้างประโยชน์ให้ประชาชนและประเทศ การสร้างภาพลักษณ์ที่ดีกับวุฒิสภา ผมเชื่อว่าบุคคลทุกอาชีพ ไม่ว่าการศึกษาระดับใด มีความสำคัญเท่ากัน ความหลากหลายวิชาชีพร่วมผลักดันขับเคลื่อนสภาให้เดินหน้า เกิดประโยชน์กับประเทศประชาชน ผมอยากเห็นวุฒิสภาทำงานเชิงรุก ควรเดินหน้าเข้าหาประชาชนแทนประชาชนเข้ามามา ผมอยากเห็นกรรมาธิการ สัญจร เพื่อรับฟังปัญหาประชาชน เพื่อสื่อสารวุฒิสภากับประชาชน ให้การแก้ปัญหาตรงจุด

นายปฏิมา จิระแพทย์ กล่าวในลำดับถัดมาว่า ส.ว. เปรียบเหมือนอวัยวะของร่างกายที่มีหลายส่วนทำหน้าที่เพื่อเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ต้องร่วมมือทำงานเพื่อประชาชน ประเทศ มุ่งไปที่การช่วยประโยชน์กับประชาชนที่เดือดร้อน ประเทศไทยอยู่ในขั้นโคม่า ตามตัวเลขเศรษฐกิจประเทศไทยมีปัญหาประชาชนรอคอยการเมืองที่ตกผลึก แก้ปัญหาปากท้อง หากการเมืองไม่นิ่งจะไม่สามารถชวนนักลงทุนต่างชาติมาลงทุนได้ ตนเสนอว่าวันนี้เป็นวันแรกทำงานร่วมกัน ไม่ควรมีขัดแย้ง สร้างเอกภาพการบริหารบ้านเมือง หากรัฐบาลทำอะไรดีต้องสนับสนุน แต่หากรับบาลหลงทางต้องตักเตือน ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ตนอยากให้การทำงานวุฒิสภา ผสมผสานการทำงาน

ด้าน นายแล ดิลกวิทยรัตน์  กล่าววิสัยทัศน์เป็นคนสุดท้ายว่า วุฒิสภาเป็นสถาบันหนึ่งของการเมืองระบอบประชาธิปไตยเน้นเสรีภาพความหลากหลาย เท่าเทียม และสากล การทำงานของสว.ต้องรักษาหลักการความเป็นผู้นำ และฐานะสมาชิกที่มีความหลากหลาย เพื่อให้สภาสะท้อนมุมมองหลากหลาย รอบด้านครบถ้วนเพื่อกลั่นกรองของกฎหมายจากสภาล่าง พร้อมกับสะท้อนเสียงของประชาชน ผู้ด้อยโอกาส ตนยืนยันว่าไม่ว่าตนจะได้รับเลือกหรือไม่ ไม่ทำให้ความมุ่งมั่นหลอมรวมการทำงานให้สำเร็จเปลี่ยนไป  จากนั้นได้เข้าสู่การลงคะแนนลับ 

จนในเวลา 15.30 น. ที่ประชุมได้แจ้งผลลงคะแนนเลือก พล.อ.เกรียงไกร เป็นรองประธานวุฒิสภา คนที่ 1 ด้วยคะแนนเสียง 150 เสียง นายนพดล ได้รับคะแนนเสียง 27 เสียง นายปฏิมา ได้รับคะแนนเสียง 5 เสียง และนายแล ได้รับคะแนนเสียง 16 เสียง  งดออกเสียงไม่มี พบบัตรเสียจำนวน 2 ใบ โดยหนึ่งในนั้นมาจากบัตรลงคะแนนที่สมาชิกได้เขียนลงคะแนนให้ พล.อ.เกรียงไกร แต่เขียนชื่อผิดเป็น พล.อ.เกรียงศักดิ์ จึงทำให้บัตรละคะแนนเสียงดังกล่าวกลายเป็นบัตรเสียทันที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.กอบ อัจนากิตติ ส.ว. ในฐานะตัวแทนกรรมการผู้ขานชื่อนับคะแนน ได้ขานชื่อมาถึงคนที่ 200 ปรากฎว่าใบลงคะแนนได้เขียนเป็นตัวเลข จึงขานว่าเป็นบัตรเสีย แต่ พ.ต.อ.กอบ ได้ขานต่อจากนั้นว่ามีงดออกเสียงมาอีก 1 เสียง ทำให้มีสมาชิกเกินมาเป็น 201 คน  ทางประธานที่ประชุมจึงแจ้งว่า มีข้อผิดพลาด พร้อมสั่งให้เจ้าหน้าที่เริ่มนับคะแนนใหม่ แต่ก็มีสมาชิกท้วงว่า หน้าจอแสดงผลการนับคะแนน ไม่ได้แสดงผลคะแนนที่งดออกเสียง ก็เท่ากับว่าลงคะแนนครบทั้ง 200 คนแล้ว

ด้าน น.ส.นันทนา นันทวโรภาส ส.ว. ลุกขึ้นหารือว่า แม้ว่าจะมีคะแนนเกินมา 1 เสียง แต่ไม่ได้ส่งผลต่อผู้ที่ได้รับเลือก จึงอยากขอให้เพียงรีเพลย์ภาพย้อนกลับไปดูว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ถ้าหากมีการกลับไปเริ่มนับคะแนนใหม่จะทำให้เสียเวลาไปมากกว่านี้  แต่ทาง พล.ต.ท.ยุทธนา ในฐานะประธานการประชุมชั่วคราว ชี้แจงว่า การลงคะแนนจะมีการบันทึกเป็นหลักฐาน ถ้าหากว่าบันทึกไปแล้วมีความผิดพลาด จะทำให้วุฒิสภาเสื่อมเสียได้ ซึ่งมีสมาชิกบางส่วนเห็นด้วยให้เริ่มนับคะแนนใหม่ เพื่อสร้างมาตราฐานคงามโปร่งใส ทั้งนี้ มีสมาชิกอีกบางส่วนพยายามเสนอให้แยกไปนับคะแนนเป็นการเฉพาะตรงจุดที่มีปัญหาแบบเป็นการภายใน เพื่อไม่ให้ต้องเสียเวลาไปเริ่มนับคะแนนใหม่ แต่ท้ายที่สุดแล้วประธานที่ประชุมจึงมีมติสั่งเริ่มนับคะแนนใหม่ ซึ่งเริ่มนับคะแนนใหม่ตั้งแต่ลำดับที่ 1 ในเวลา 15.38 น.  

สำหรับผลการลงคะแนนรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 มีรายละเอียดดังนี้

1. พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ได้ 150 คะแนน

2. นายนพดล อินนา ได้ 27 คะแนน

3. นายปฏิมา จีระแพทย์ ได้ 5 คะแนน4. นายแล ดิลกวิทยรัตน์ ได้ 15 คะแนน

ทั้งนี้ การลงคะแนนเสียงในครั้งนี้ บัตรเสีย 2 ใบ และงดออกเสียง 1 คะแนน