"ประภาส"วอน ส.ว.สายสีน้ำเงินฟังสังคม

2024-07-21 16:05:23

"ประภาส"วอน ส.ว.สายสีน้ำเงินฟังสังคม

Advertisement


"ประภาส"วอน ส.ว.สายสีน้ำเงินฟังสังคม ถ้าไม่ให้ ส.ว.พันธุ์ใหม่สักตำแหน่งชิงประมุข รองประมุขสภาสูง เชื่อโดนตรวจสอบแน่

เมื่อวันที่ 21 ก.ค.67 นายประภาส ปิ่นตบแต่ง ส. ว. ซึ่งเป็น ส. ว.กลุ่มพันธุ์ใหม่ เปิดเผยว่า ในการประชุมวุฒิสภาในวันที่ 23 ก.ค.นี้ มีวาระเลือก ประธานวุฒิสภา และรองประธาน วุฒิสภา อีก 2 คน ทางกลุ่ม ส. ว.พันธุ์ใหม่มีความชัดเจนแล้วว่าจะเสนอ น.ส.นันทนา นันทวโรภาส เป็นประธานวุฒิสภา นายแล ดิลกวิทยรัตน์ ส. ว. ลงชิงรองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 นางอังคณา นีละไพจิตร ส. ว. ลงชิง รองประธานวุฒิสภา คนที่2 ซึ่งถ้าเป็นไปตามข้อบังคับการประชุม แต่ละคนก็จะต้องแสดงวิสัยทัศน์เชื่อว่า น.ส.นันทนา จะแสดงวิสัยทัศน์ในเชิงบวกว่าคุณสมบัติของคนที่เป็นประธานวุฒิสภาควรจะเป็นอย่างไร ส่วนจะได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับ ส.ว. แต่ละคนว่า จะมีความเห็นอย่างไรหลังจากฟังการแสดงวิสัยทัศน์ของทั้ง 3 คนแล้ว แต่เชื่อว่าคงจะมีการประนีประนอมกันกับกลุ่ม ส.ว. สีน้ำเงิน เพราะฉะนั้นการประชุมในวันที่ 23 ก.ค.นี้ คงจะราบรื่นไม่มีอะไร และลงมติกันไป

"ผมสนใจตำแหน่งรองประธานวุฒิสภาคนที่2 มากกว่าว่า ทาง ส.ว. สายสีน้ำเงินจะลงมติกันอย่างไร ถ้าไม่ให้ ส.ว.พันธุ์ใหม่สักตำแหน่ง เชื่อว่าสังคมและสื่อมวลชนก็คงจะช่วยกันตรวจสอบว่ามีคนที่มีคุณสมบัติที่ดีแล้วไม่เลือก คนที่ยกมือสนับสนุนก็ต้องรับฟังเสียงสังคม ผมคิดว่าสังคมก็เคลื่อนไปแบบนี้ จะไปพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินครั้งเดียวคงไม่เป็นอย่างนั้น" นายประภาส กล่าว

เมื่อถามว่า การแบ่งกลุ่มแบ่งก๊วนจะเป็นอุปสรรคในการทำงานของ ส.ว.มีปัญหา โดยเฉพาะการพิจารณากฎหมายสำคัญๆและการเลือกองค์กรอิสระ หรือไม่ นายประภาส กล่าวว่า ที่ผ่านมาก็เป็นอย่างนี้ ซึ่งการแก้ไข รัฐธรรมนูญก็คงยาก เพราะต้องใช้เสียง ส.ว. 1 ใน 3 คือ 67 คน ซึ่งบางมาตราอาจจะเห็นด้วย อาจจะไม่ต้องแก้ไขหรือยกร่างใหม่ทั้งฉบับ แต่ตนคิดว่ามีหลายมาตราน่าจะเห็นร่วมกันว่าจะต้องมีการแก้ไข อยู่ที่จุดมุ่งหมายว่าต้องการที่จะไปปฏิรูปใหม่ก็ต้องมีการตั้ง สภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร ) เหมือนรัฐธรรมนูญปี 40 ต้องยอมเสียเวลา ถ้าถามว่ายากก็ยากอยู่แล้ว ที่ผ่านมามีตั้ง 13 ร่าง ดังนั้นตนคิดว่าคงจะมีแก้การแก้ไขบางมาตรา ที่เป็นปัญหาจริงๆ รวมทั้งการเลือก ส.ว. ที่ผ่านมา น่าจะมีการทบทวนใหม่ แต่ไม่คงไม่ใช่เร็วๆนี้ ต้องให้ทำงานกันไปก่อน อาจจะเป็นช่วงปลายสมัยของ ส.ว.ชุดนี้

เมื่อถามว่า จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่พรรคก้าวไกลเสนอให้มีสภาฯเดียว นายประภาส กล่าวว่า พรรคก้าวไกลพูดเรื่องนี้มาตั้งนานแล้ว เสนอได้แต่แก้ไม่ได้เหมือนเดิม ถ้ามีสภาฯเดียวก็ต้องไปแก้รัฐธรรมนูญ แต่เสียงพรรคก้าวไกลมีอยู่นิดเดียว ส.ว.ก็ถูกคุมได้แล้วจะไปแก้อย่างไร แต่ก็ยังมีเรื่องดีๆมานิดนึงทั้ง 2 ระบบสว.ก็เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่หลังรัฐรัฐประหาร ผู้คนก็ยังทนกันมาได้ แต่ก็ยังมีการเปรียบเทียบ กับสว.ชุดที่แล้ว ที่มีการอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ก็มีการเอารัฐมนตรีมาสรรเสริญกัน ครั้งนี้ก็อาจจะมีแต่คงไม่ใช่ทั้งหมด จะมีการทำงานในเชิงตรวจสอบ ก็จะมี ส.ว.ที่ไม่ใช่สีน้ำเงินแม้จะไม่มาก ถ้าขยันทำงาน เป็นชิ้นเป็นอัน เหมือน ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งปี 40 ที่ขยันทำงานเข้มแข็ง อย่าง นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ และนายจอห์น อึ้งภากรณ์ แม้จะมีข้อจำกัด แต่ก็ทำให้เห็นผลงานได้ เพราะฉะนั้น ส.ว.ชุดนี้ก็ยังย่ำอยู่เหมือนเดิมไม่ได้เป็นตามไปตามเจตนารมณ์ของคนที่ร่าง รัฐธรรมนูญ ที่อยากให้ระบบการเลือกแบบนี้ได้ผู้ทรงคุณวุฒิ ตัวแทนกลุ่มอาชีพ ถือว่าประสบความล้มเหลว แต่ก็ไม่ได้ทั้งหมด ดังนั้นคนในสังคมก็ต้องช่วยกันตรวจสอบรวมถึงหนังสือมวลชนจับจ้องอยู่คงทำอะไรไม่ได้มาก และไม่น่าจะถึงกับปิดประตูตีแมว หรืออยู่ในแดนสนธยา"นายประภาส กล่าว