นายกฯแจงของบเพิ่ม 1.22 แสนล้าน ใช้จ่ายมีประสิทธิภาพ

2024-07-17 10:40:15

นายกฯแจงของบเพิ่ม 1.22 แสนล้าน ใช้จ่ายมีประสิทธิภาพ

Advertisement

นายกรัฐมนตรีชี้แจงสภาฯของบประมาณปี 67 เพิ่ม 1.22 แสนล้าน  ยันใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ 

เมื่อเวลา 09.30น. วันที่ 17 ก.ค. 67 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เป็นพิเศษ โดยมีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมือพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่2 ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 พ.ศ. .. วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ วาระแรก โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ ครม. เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

นายกรัฐมนตรี ได้นำเสนอร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวในนาม ครม.ว่า รัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการส่งเสริมให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในพื้นที่ต่างๆ ยกระดับคุณภาพชีวิต การดำรงชีพ สร้างโอกาสประกอบอาชีพของประชาชนและภาคธุรกิจ ควบคู่กับการรักษาระดับการบริโภค การลงทุนในประเทศ ความสามารถในการแข่งขันของประเทศที่ต้องดำเนินการเร่งด่วน ไม่สามารถรองบประมาณรายจ่ายประจำปี2568 ได้ จึงต้องตั้งงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 1.22แสนล้านบาท เป็นค่าใช้จ่ายกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยประมาณการเงินที่พึงได้สำหรับจ่ายตามงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมดังนี้ 1.ภาษีและรายได้อื่น เป็นแหล่งเงินจากการจัดเก็บรายได้ที่เดิมไม่ได้กำหนดไว้ในประมาณการ 1หมื่นล้านบาท 2.เงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 1.12แสนล้านบาท ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวดำเนินการผ่านโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิตัลวอลเล็ต คำนึงถึงความสอดคล้องภาวะเศรษฐกิจ รัฐธรรมนูญปี2560 พ.ร.บ.วินัยการเงิน การคลัง ของรัฐ ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ และประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า เศรษฐกิจไทยปี2567 มีแนวโน้มขยายตัว ร้อยละ 2-3 จากปัจจัยการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่าย การลงทุนภาครัฐ การฟื้นตัวภาคการท่องเที่ยวและภาคบริการ การขยายตัวของการส่งออกสินค้า อย่างไรก็ตามยังมีข้อจำกัดและปัจจัยเสี่ยงจากภาระหนี้ภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่อยู่ระดับสูง ความผันผวนระบบเศรษฐกิจการเงินโลกอยู่ในเกณฑ์สูง ขณะที่หนี้สาธารณะคงค้าง วันที่ 30เม.ย.2567 มีจำนวน 11.5ล้านล้านบาท หรือ ร้อยละ 63.78ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ยังอยู่ในกรอบบริหารหนี้สาธารณะตามกฎหมายที่ต้องไม่เกินร้อยละ70 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ส่วนฐานะเงินคงคลัง วันที่ 31พ.ค.2567 มี 3.94 แสนล้านบาท เงินสำรองระหว่างประเทศ 2.21แสนล้านดอลลาร์ จัดว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งมาก สำหรับงบร่ายจ่ายเพิ่มเติมปี2567วงเงิน 1.22 แสนล้านบาทนั้น จำแนกเป็นงบประมาณรายจ่ายงบกลาง 1.22 แสนล้านบาท คิดเป็น ร้อยละ100 ของวงเงินงบประมาณ เพื่อกระตุ้นและสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งนี้งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม 1.22แสนล้านบาทดังกล่าว เมื่อรวมกับกรอบวงเงินเดิม ตามพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2567 จำนวน 3.48ล้านล้านบาท จะทำให้ปีงบประมาณ 2567 มีงบประมาณรายจ่ายรวม 3.6ล้านล้านบา

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แม้ว่างบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปี2567 เมื่อรวมกับกรอบวงเงินเดิมตามพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายปี2567 จะขาดดุลเพิ่มขึ้น แต่รัฐบาลได้จัดสรรรายจ่ายลงทุนไว้ในงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมปี 2567 จำนวน 97,600 ล้านบาท เมื่อรวมกับรายจ่ายลงทุนตามพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2567 จำนวน 7.1แสนล้านบาท ทำให้มีรายจ่ายลงทุน 8.07แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากรายจ่ายลงทุนในปีงบประมาณ 2566 ร้อยละ 17.1 คิดเป็นร้อยละ 22.4 ของวงเงินงบประมาณรวม การบริหารงบประมาณรายจ่ายทั้งหมดนี้ เป็นการใช้จ่ายเพื่อดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล และกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลจะดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบวินัยการเงิน การคลังของรัฐ ใช้จ่ายเงินภาษีประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด กระตุ้นเศรษฐกิจให้เม็ดเงินไหลไปสู่ประชาชนและภาคธุรกิจ สร้างการเจริญเติบโตให้ประเทศพัฒนาศักยภาพอย่างยั่งยืน และเป็นไปตามกฎหมาย