"หมอปัตพงษ์" เศร้าใจนำกัญชามาล้างแค้นทางการเมืองตัดโอกาสประชาชน ชี้ สธ.รู้อยู่แก่ใจมีสรรพคุณมากมาย
เมื่อวันที่ 4 ก.ค.67 รศ.ดร.นพ.ปัตพงษ์ เกษสมบูรณ์ หน่วยเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ให้ความเห็นภายหลังนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข โพสต์ไทม์ไลน์ การพิจารณาให้กัญชากลับเป็นยาเสพติด ซึ่งจะให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดดำเนินการในเดือน ก.ค.นี้ว่า ตอนแรก มีข่าวว่า จะชะลอเรื่อง เพื่อให้ข้อมูลมีความชัดเจน แต่ตอนนี้กลับเร่งดำเนินการภายหลังการเลือกตั้ง ส.ว.เสร็จสิ้น ไม่ทราบว่านี่จะเป็นเรื่องการเมืองไหม เพราะบางพรรคไม่สมหวัง เลยเอากัญชามาล้างแค้นเสียเลย ในฐานะที่เป็นหมอ รักษาคน อะไรที่มีสรรพคุณรักษาคนไข้ได้ ต้องหาทางใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ส่วนที่ไม่ดี ก็มีมาตรการควบคุมได้ไม่ยาก นี่คือโอกาสที่ยิ่งใหญ่ ของผู้ป่วย และเป็นโอกาสมหาศาลของประชาชน
รศ.ดร.นพ.ปัตพงษ์ กล่าวต่อว่า กัญชามีศักยภาพเยียวยาคนไทย ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย ไม่ต่ำกว่า 24.6 ล้านคน เช่น กลุ่มที่มีปัญหาจากโรคปลอกหุ้มประสาท พาร์กินสัน มะเร็ง ลมชัก อัลไซเมอร์ ผู้ป่วยระยะสุดท้าย ปวดประสาท เด็กที่เป็นออติสติก สมาธิสั้น พวกนี้กัญชาช่วยได้หมดเลย ถ้าส่งเสริมการใช้กัญชารักษาโรคกันอย่างจริงจัง กัญชาจะสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างเศรษฐกิจให้คนไทยได้หลายแสนล้านบาท รวมทั้งการส่งออก นำรายได้เข้าประเทศ แค่ใช้รักษาเด็กโรคลมชักดื้อยา โรคเดียว ก็จะประหยัดเงิน ได้สูงถึง 7 หมื่นล้านบาท แทนที่ต้องเป็นเบี้ยล่างฝรั่งต่างชาติ นำเข้ายาเคมีปีละหลายแสนล้านบาท แล้วที่สำคัญมากคือ กัญชาสามารถนำใช้เลิกเหล้า เลิกบุหรี่ เลิกยาเสพติด ตัวแรงๆได้ มีการพูดถึงกันไหม มีผลวิจัยออกมาแล้ว มีกรณีศึกษามากมาย คนที่เขาเลิกสุรา เลิกยาบ้าได้เพราะใช้กัญชา แล้วทำไมเราปล่อยให้เหล้า บุหรี่ขายได้อย่างเสรี เด็กเยาวชนไทยเสพติดบุหรี่สูงถึง เก้าแสนคน ก่อโรคสารพัด ทำลายชีวิตและครอบครัวคนไทยนับไม่ถ้วน ทำไมไม่เอาไปเป็นยาเสพติด ไหนบอกว่าห่วงเยาวชน
รศ.ดร.นพ.ปัตพงษ์ กล่าวอีกว่า กัญชามีสรรพคุณมากมาย กระทรวงสาธารณสุข รู้แก่ใจ เพราะตอนเสนอปลดล็อกก็ใช้ข้อมูลทางการแพทย์ของกระทรวงแล้วนับแต่ปลดล็อก ปรากฏว่า ยอดเข้าใช้บริการด้านการสาธารณสุขลดลงไป ถึง 27 ล้านครั้ง ประหยัดงบได้ไม่ต่ำกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท ตรงนี้ น่าเอามาวิเคราะห์ ว่ากัญชา ช่วยประชาชนในการรักษาตัวเองอย่างไรบ้าง ไม่ใช่ว่า มุ่งเน้นแต่ไปหาโทษภัยของกัญชา โดยไม่สนใจข้อเท็จจริง เมื่อไม่นานมานี้ มีข้อมูลที่น่าตกใจ เพราะโรงพยาบาลรัฐหลายแห่ง รับรักษาผู้ป่วยแล้วบอกว่าเป็นเพราะกัญชา แต่พอเจาะลึกลงไป ปรากฏว่า มีการตรวจหาสารกัญชา จากผู้ป่วยเหล่านั้นน้อยมาก แล้วในการตรวจก็เจอผู้ใช้กัญชา จำนวนน้อยลงไปอีก นี่คือตัวอย่างของคำถามว่า ทำไม กัญชา จึงกลายเป็นผู้ร้ายในสังคมไทย เพราะมันมีกระบวนการด้อยค่ามาตลอด
"ถึงเวลาที่เรา จะต้องมาพูดความจริงกันบ้าง ถ้าคิดจะเอากัญชากลับเป็นยาเสพติด ก็ควรอยู่บนข้อมูลที่ถูกต้อง จึงเรียกร้องให้แสดงข้อมูลและเหตุผล เอามากาง ให้สังคม และทุกฝ่ายตรวจสอบและขอถามว่า จะเอากัญชากลับไปเป็นยาเสพติด เพื่อแก้ปัญหาอะไร วิธีนี้จะแก้ได้จริงเหรอ มีวิธีอื่นที่ดีกว่าไหม แล้วจะสร้างปัญหาใหม่ๆอะไรบ้าง คนปกติธรรมดา ประกอบอาชีพสุจริตไม่ได้ก่ออาชญากรรมใดๆ จะต้องถูกเอาไปขังคุกอีกเท่าไร คุกมีห้องขังพอไหม ตอนนี้จำนวนผู้ต้องขังก็ล้นคุกอยู่แล้ว ต้องช่วยกันคิด และคิดให้รอบด้าน แต่ถ้าเรื่องนี้ มีแรงจูงใจทางการเมือง จะแก้แค้นกัน จนตัดโอกาสประชาชน คนไทย ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจ และน่าจะมีการแก้แค้นกันไม่สิ้นสุด เป็นบาปเป็นกรรมกระบวนนโยบายสาธารณะต้องมีความโปร่งใส มีเหตุมีผล ใช้ข้อมูลที่ไม่ลำเอียง นึกถึงประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ อย่าทำลายศรัทธาประชาธิปไตย จนอาจทำให้บางฝ่ายเอามาอ้างเพื่อยึดอำนาจอีก" รศ.ดร.นพ.ปัตพงษ์ กล่าว