"สายตาสั้น" ปัญหาระดับโลก มองไม่ชัด เด็กหยีตารีบหาหมอ ป้องกันตาขี้เกียจ พิการถาวร (มีคลิป)

2024-07-04 18:00:40

"สายตาสั้น"   ปัญหาระดับโลก มองไม่ชัด เด็กหยีตารีบหาหมอ ป้องกันตาขี้เกียจ พิการถาวร (มีคลิป)

Advertisement

"สายตาสั้น"   ปัญหาระดับโลก มองไม่ชัด เด็กหยีตารีบหาหมอ ป้องกันตาขี้เกียจ พิการถาวร

ศ.วุฒิคุณ นพ.ศักดิ์ชัย วงศกิตติรักษ์ หัวหน้าศูนย์ตาธรรมศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  กล่าวว่า  สายตาสั้นเป็นปัญหาใหญ่ไม่ได้คุกคามเฉพาะเด็กไทย แต่รวมถึงเด็กทั่วโลก ทวีปเอเชียเป็นปัญหาใหญ่มาก ประเทศไทยเคยมีการสำรวจนานมาแล้วพบว่าเด็กชั้นประถมศึกษามีภาวะสายตาสั้น 5-6 % ปัจจุบันทวีปเอเชียเด็กชั้นประถมศึกษามีภาวะสายตาสั้น ในบางประเทศ 40-50 % เข้าใจว่าประเทศไทยก็เดินไปในทิศทางนี้  โดยกระทรวงสาธารณสุขเคยสำรวจพบว่าเด็กชั้นประถมศึกษาสายตาสั้นประมาณ 10 % ถือเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก

"สายตาสั้น" มีผลกระทบต่อการมองเห็น และส่งผลต่อการเรียนรู้ ทำให้เสียโอกาสในการเรียนรู้ ทำให้พัฒนาการแย่ลง ปัจจุบันเด็กสายตาสั้นเร็ว สั้นเยอะ มีปัญหาแทรกซ้อนตามมาที่พบบ่อย เช่น โรคตาขี้เกียจ  จอประสาทตาเสื่อม หรือ ภาวะตาเหล่ 

"สายตาสั้น" พบทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายพอ ๆ กัน  สมัยก่อนเด็กมักจะใส่แว่นตอนมัธยมหรือมหาวิทยาลัย แต่ปัจจุบันพบอายุน้อยลงเรื่อย ๆ เด็กประถมก็พบปัญหาสายตาสั้นแล้วจนต้องใส่แว่นตา ความจริงเด็กอาจจะมีปัญหาตั้งแต่อายุยังน้อยแต่สังเกตไม่ได้ พอเข้าสู่วัยเรียนทำให้ทราบว่าเด็กมีปัญหาสายตาจนต้องใช้แว่นตา

สาเหตุ "สายตาสั้น" เกิดจากหลายปัจจัย  ปัจจุัยแรก เกิดจากกรรมพันธุ์  คุณพ่อคุณแม่ที่มีปัญหาสายตาสั้นลูกมักจะมีปัญหาสายตาสั้นตามมา ถ้าคุณพ่อหรือคุณแม่สายตาสั้นเยอะ ๆ 400-500 ขึ้นไป ลูกมีโอกาสสายตานั้น 30 % ถ้าทั้งคุณพ่อและคุณแม่มีปัญหาสายตาสั้นลูกมักจะมีโอกาสสายตาสั้นประมาณ 60 %  และจะสั้นในอายุที่น้อยลงกว่าสมัยคุณพ่อคุณแม่ด้วย

ปัจจัยที่ 2 เป็นพฤติกรรมของเด็กปัจจุบัน คือ พฤติกรรมการใช้มือถือในระยะใกล้มาก ๆมีการศึกษาพบว่า เด็กใช้สายตาระยะใกล้มาก ๆ มีความเสี่ยงที่จะทำให้เด็กสายตาผิดปกติมากขึ้น  นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยพบว่า พฤติกรรมการใช้ชีวิตอยู่ในห้องไม่ยอมออกไปกลางแจ้งทำให้เด็กสายตาสั้นเยอะขึ้น หลายประเทศแนะนำให้เด็กช่วงวัยประถมศึกษาต้องออกไปอยู่กลางแจ้งเพื่อมีกิจกรรมในที่กว้าง ๆ มีแสงแดดอย่างน้อยสัปดาห์ละ 11 ชม. เพื่อป้องกัน และลดปัญหาสายตาผิดปกติ 

อาการของเด็ก "สายตาสั้น" ก็คล้ายกับผู้ใหญ่คือ มองภาพไม่ชัด  เหมือนเราถ่ายรูปไม่โฟกัส แต่บางทีเด็กอาจจะไม่สามารถบอกเราได้ ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ต้องช่วยกันสังเกตความผิดปกติ  ดังนี้ 1.เด็กอาจจะวิ่งเข้าไปดูโทรทัศน์ใกล้ ๆ เวลาจะเล่นมือถือหรือแท็บเล็ตจะก้มลงไปดูใกล้มาก ๆ  2.เด็กมักจะหยีตา เวลาตั้งใจจะมองอะไร หรือเอียงคอมอง อันนี้เป็นภาวะที่บอกว่า อาจมีภาวะสายตาสั้น หรือสายตาเอียง พอเข้าสู่วัยเรียนหนังสือเด็กจะบอกครูเลยว่ามองกระดานไม่ชัด เด็กบางคนเรียนหนังสือตามเพื่อนไม่ทัน คุณพ่อคุณแม่ต้องหมั่นสังเกต หากลูกหลานมีอาการแบบนี้ควรพาไปพบจักษุแพทย์ น่าจะบ่งบอกว่ามีภาวะสายตาผิดปกติ

สำหรับการแก้ไขปัญหาสายตาสั้น สิ่งที่เรารู้จักกันดีคือแว่นตา ในเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี เด็กจะเพ่งตาเยอะ เพราะฉะนั้น ถ้าวัดสายตาหรือตัดแว่นต้องไปพบจักษุแพทย์เท่านั้น จักษุแพทย์จะได้หยอดตาลดการเพ่งเพื่อจะได้ค่าสายตาที่แท้จริงของเด็ก  ถ้าเราพาไปร้านแว่นตาตามกฎหมายไม่สามารถใช้ยาหยอดลดการเพ่งได้ เด็กจะได้ค่าสายตาสั้นเยอะกว่าค่าสายตาที่เป็นจริง 

ส่วนการใช้คอนแทคเลนส์ โดยทั่วไปไม่แนะนำให้ใช้ในเด็ก เพราะเด็กอาจจะไม่มีความสามารถในการดูแลรักษาความสะอาด อาจจะเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา ส่วนต่อมาเด็กอาจจะไม่อยากใส่แว่นตา การทำเลสิก หรือ เลเซอร์แก้ปัญหาสายตาอย่าถาวรแนะนำว่า เราจะทำตอนอายุ 18 ปีขึ้นไป  และมีค่าสายตานิ่งมาอย่างน้อย 1 ปีแล้ว 

"ปัญหาสายตาสั้นเป็นปัญหาใหญ่ของเด็กไทยและเด็กทั่วโลก อยากฝากคุณพ่อคุณแม่ควรโน้มน้าวให้เด็กไปทำกิจกรรมกลางแจ้งมากขึ้น ลดหรือมีกติกามองใกล้ให้เหมาะสม ไม่มากจนเกินไป ไม่ต่อเนื่องจนเกินไป และช่วยสังเกตอาการสายตาสั้นหรือสายตาเอียงของเด็ก เช่น เด็กเข้าไปดูทีวีใกล้ ๆ ชอบหยีตา เอียงตามอง เรียนหนังสือไม่ทันเพื่อน อาจเป็นอาการเตือนว่าเด็กมีสายตาผิดปกติ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจตามมา เช่น ภาวะตาขี้เกียจ จากการที่ไม่ได้รับการแก้ไขตั้งแต่เนิ่น ๆ และในเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี จะต้องพาไปพบจักษุแพทย์ คุณหมอจะใช้วิธีการวัดสายตาตามมาตรฐาน คือ หยอดยาลดการเพ่ง เพื่อให้ได้ค่าสายตาที่ถูกต้อง ถ้าไปร้านแว่นเลยอาจะได้ค่าสายตาไม่ตรงกับเด็ก  เป็นอันตรายต่อสุขภาพตาเด็กได้ " ศ.วุฒิคุณ นพ.ศักดิ์ชัย ระบุ