"พิธา" ขอบคุณ ปชช.ไว้วางใจหนุนนั่งนายกฯ อันดับ 1 เป็นเครื่องเตือนใจให้ทำงานหนักขึ้น
เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.67 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงผลสำรวจ "นิด้าโพล" ประชาชนสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีอันดับ 1 เช่นเดียวกับพรรคก้าวไกล ว่า ต้องขอยกความดีความชอบให้เพื่อน ๆ พรรคก้าวไกลทุกคน รวมถึงทีมงานจังหวัด ทีมงานในพื้นที่ พนักงาน สมาชิกพรรค ว่าที่ผู้สมัคร และผู้แทนราษฎรที่ทำงานกันอย่างหนักและพิสูจน์ตัวเองในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ที่ทำให้ประชาชนไว้วางใจ ตนขอใช้โอกาสนี้ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ร่วมกันทำโพล และให้ความไว้วางใจพรรคก้าวไกล พรรคก้าวไกลจะไม่ทำให้ทุกท่านต้องผิดหวัง และเป็นเครื่องเตือนใจให้ทำงานให้หนักขึ้น สมกับความคาดหวัง และยิ่งความคาดหวังมาก พวกเราก็ต้องทำงานหนักขึ้นให้เต็มที่
นายพิธา กล่าวต่อว่า โพลนี้ไม่ได้ดูที่ตัวเลขไตรมาสต่อไตรมาส แต่ต้องดูที่ความต่อเนื่อง และอัตราการเพิ่มหรือลด ซึ่งที่ยังรู้สึกเป็นกังวล คือคำตอบที่มาเป็นอันดับสองคือ "ยังหาบุคคลที่เหมาะสมไม่ได้" กว่า 20% ทำให้ตนนึกถึงเมื่อปี 2565-2566 ช่วงก่อนการเลือกตั้งที่มีตัวเลขนี้ไม่ถึง 20% นั้นแสดงออกได้หลายอย่าง คือตนต้องไปนั่งคิดและเตรียมกระบวนการในการทำงานเพื่อทำความเข้าใจว่า 20% อะไรที่ทำให้เขานอนไม่หลับ แล้วจะสามารถทำให้ 20% นี้ มารวมกับ 45% ของของเราให้ได้ เพื่อที่จะเปลี่ยนใจผู้คน ว่า พวกเรานี่แหละคือตัวแทนของเขา คือแคนดิเดตของเขา อีกมุมหนึ่ง ส่วนตัวขอไม่ลงลึกว่าเป็นพรรคการเมืองไหนหรือบุคคลใด แต่ตัวเองกำลังมองทั้งระบบ ที่แสดงว่าการเมืองในระบบรัฐสภาอาจจะไม่ตอบโจทย์สำหรับพวกเขา ซึ่งก็ตรงกับที่พวกเราอธิบายเรื่องงบประมาณที่ผ่านมา ว่ายังรู้สึกว่ามีคนที่ถูกทอดทิ้ง และไม่มีปากไม่มีเสียงในระบบการเมืองไทยจริงๆ ตนจึงอยากรู้ว่า 20% นี้ จะสะท้อนอะไรหรือไม่ ในขณะที่มีรัฐบาลชุดใหม่มาแล้ว แต่เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลขสมัยรัฐบาลประยุทธ์แล้วจะมีการขึ้นลงของตัวเลขนี้อย่างไรบ้าง
ผู้สื่อข่าวถามถึงความนิยมของรัฐบาลเศรษฐา ที่ผลโพลลดลงเรื่อยๆ จนล่าสุดตกอยู่ที่อันดับ 3 ในฐานะพรรคฝ่ายค้านมองปรากฏการณ์นี้อย่างไรบ้าง นายพิธาตอบว่า เรื่องนี้ผมคงจะพูดในมุมที่อยากจะพูดกับตัวเอง ว่าต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการทำงานหนัก ไม่ได้ต้องรู้สึกผิดหวังจากตัวเลขที่ลดลง เพราะผมเองก็เคยผลโพลลดลงเช่นเดียวกัน ซึ่งมันก็ไม่ได้ทำให้ย่อท้อหรือรู้สึกอยากทำงานการเมืองหรือทำเพื่อประชาชนน้อยลง และไม่ได้รู้สึกเสียกำลังใจ เพราะในช่วงที่บ้านเมืองกำลังยากลำบากยากเข็ญขนาดนี้นั้นต้องมีกำลังใจที่ดี และมีความพร้อมที่จะทำงานเพื่อประชาชนอยู่เสมอ ซึ่งก็ขอเป็นกำลังใจให้นายกเศรษฐาครับ