"ภคมน" อภิปรายงบพีอาร์ซ้ำซ้อน 662 ล้านจาก 2,945 ล้าน ติงศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม แก้ต่างให้ พท.
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.67 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 วงเงิน 3.75ล้านล้านบาท วาระแรก ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3
น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายเกี่ยวกับงบประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลว่า ตนรวมได้ จากทุกกระทรวง ทุกกรม วงเงิน 2,945 ล้านบาท น้อยกว่าปีก่อนที่มีงบประมาณส่วนนี้ 3,200 ล้านบาท โดยแยก เป็น 2 รูปแบบ แบบแรก เป็นงบประชาสัมพันธ์ทางตรง ระบุชัดในชื่อโครงการเลยว่านำไปใช้ในภารกิจประชาสัมพันธ์ แบบที่2 เป็นงบประมาณที่ไม่ได้ระบุชัดเจน แต่ซ่อนมาในคีย์เวิดสำคัญ เช่น รณรงค์ เสริมสร้างความเข้าใจ ปลูกจิตสำนึก ปลูกฝัง หรือบางโครงการ ชื่อก็เดาไม่ออกว่าเป็นการประชาสัมพันธ์ ทั้งนี้งบประมาณโฆษณาซ้ำซ้อนกันเป็นเงินอย่างน้อยคือ 662 ล้านบาท ยกตัวอย่าง เช่น โครงการสื่อสารเพื่อรณรงค์ต่อต้านยาเสพติด หน่วยงานที่ทำ โครงการนี้ กระทรวงมหาดไทยทำใช้งบ 38 ล้านบาท กระทรวงศึกษาทำใช้งบ 23 ล้านบาท กระทรวงยุติธรรม ใช้งบประมาณ 5 ล้านบาท และกระทรวงสาธารณสุขก็ใช้งบ 100 ล้านบาท ซึ่งชื่อโครงการต่างกัน แต่วัตถุประสงค์เหมือนกัน ถ้ามีการคุยกันสักนิด ว่าภารกิจไหนใครทำ อย่างน้อยเราไม่ต้องจ่ายงบประมาณจำนวน 662 กว่าล้าน กับงานที่เหมือน ๆ กันแบบนี้
น.ส.ภคมน กล่าวถึงศูนย์ต่อต้านเฟกนิวส์ ว่า ในงบประมาณ ปี 67 ได้รับไป 69 ล้านบาท ปีนี้ได้รับงบประมาณมาจำนวน 68 ล้านบาท จากผลงานที่ผ่านมา เมื่อมีการตรวจสอบข่าวเกี่ยวกับรัฐบาล ศูนย์ต่อต้านเฟกนิวส์ก็บอกว่าตรวจสอบแล้วเป็นข่าวจริงแต่ไม่เผยแพร่ เพราะไม่เป็นผลดีกับรัฐบาล ซึ่งมีปรากฏการณ์ใหม่ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม แก้ต่างให้พรรคการเมืองที่ถูกโจมตี ข่าวนั้นคือ พรรคเพื่อไทยนำ ปตท. เข้าแปรรูป ขายหุ้นหมดภายใน 3 นาที ซึ่งทางศูนย์ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นข้อมูลเท็จ หลักการสำคัญข้อหนึ่ง ที่ศูนย์เคยประกาศไว้เอง คือ ความเป็นกลาง ไม่เป็นเครื่องมือทางการเมือง เป็นอิสระ มุ่งเน้นประโยชน์ ต่อประชาชน ขนาดรัฐบาลที่แล้ว ยังไม่เคยใช้ศูนย์แก้ต่างให้พรรคของรัฐมนตรีดีอีเอส. แม้แต่ครั้งเดียว
น.ส.ภคมน กล่าวต่อว่า ในส่วนของกรมประชาสัมพันธ์ ที่อยู่ในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี มีการของบประมาณทั้งหมด 2,496 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 82 ล้านบาท เป็นงบบุคลากรไปแล้ว ร้อยละ 38 และยังมีงบลงทุน 540 ล้านบาท ซึ่งกรมประชาสัมพันธ์น่าจะเป็นเป็นสถานีวิทยุและโทรทัศน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เมื่อเทียบงบประมาณแต่ละปีกับผลงาน ชัดเจนว่าสื่อโทรทัศน์ สื่อออนไลน์เล็ก ๆ เขาทำได้ดีกว่า นอกจากนี้งบที่สำคัญของกรมประชาสัมพันธ์ในการพีอาร์ ภาครัฐ แต่พูดตามตรง ต่อให้กรมประชาสัมพันธ์ได้งบประมาณก้อนนี้มากกว่าเดิม 10 เท่า หรือ 100 เท่า ก็ไม่สามารถสร้างภาพลักษณ์เชิงรุกในเวทีต่างชาติ ให้เขามีความเชื่อมั่นมากขึ้นได้
"ดิฉันไม่ได้นั่งเทียนวิจารณ์ด้วย ถ้าไม่เชื่อก็ลองเปิดดูเรตติ้งทีวีดิจิทัลที่เขาวัดจากทั้งคนที่ดูผ่านทีวีและอินเทอร์เน็ต ช่อง NBT ของกรมประชาสัมพันธ์อยู่ในอันดับ 19 รองบ๊วยจากทั้งหมด 20 ช่อง ก็คงจะเป็นหนึ่งตัวชี้วัดที่ทำให้เห็นว่ายังทำงานไม่เข้าเป้า"น.ส.ภคมน กล่าว
น.ส.ภคมน กล่าวว่า เพจ NBT connext มีการลงข่าวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก่อนตั้งคำถามว่าเกี่ยวข้องกับภารกิจรัฐตรงไหน พอมีคนเริ่มวิจารณ์ NBT connext ลงข่าวให้พรรคก้าวไกล ตนก็จะถามคำถามเดิม มันเป็นภารกิจของรัฐตรงไหน นอกจากนี้ยังมีโครงการหนึ่ง จ้างเหมาบริการผลิตข้อมูลข่าวสาร 39 ล้านบาท โดยใช้บุคลากร พิธีกรผู้ดำเนินรายการจำนวนหนึ่งจากบริษัทที่ปิดตัวลง ย้ายมาทำให้ NBT จนประชาชนตั้งข้อสังเกตถึงความเหมาะสม แต่ตอนนี้ที่กรมประชาสัมพันธ์ประสบปัญหาก็คือ พยามจะใช้บทบาทตัวเองเพื่อเป็นปากเป็นเสียงทางการเมืองให้รัฐบาล มากกว่าการมุ่งเน้นงานสื่อสารเพื่อประชาชน และช่องทางแต่ละช่องทางที่ท่านหมายมั่นปั้นมือ ล้วนไม่มีคนดู เรตติ้งต่ำเตี้ยเรี่ยดิน สู้สื่ออื่นไม่ได้เลย อย่างไรก็ตามตนคาดหวังว่ารัฐบาล และรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ จะแก้ไข ปรับปรุง ให้งบโฆษณาประชาสัมพันธ์ของภาครัฐโปร่งใส เลิกซุก เลิกซ่อน เลิกซ้อนเสียที และด้วยความปรารถนาดี การสื่อสารคือปลายทาง แต่ต้นทางที่จะทำให้การสื่อสารของรัฐบาลได้ผล คือ ฝีมือการบริหาราชการแผ่นดิน ความสง่างามทางการเมือง